จากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาจาก 1,760 จุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 แล้วมาทําจุดตํ่าสุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายที่ 1,548 จุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวลดลง ( 1,548 - 1,760 ) / 1,760 x 100 = -12.05% ภายในเวลาเกือบ 3 เดือน ในระหว่างทางที่ตลาดปรับตัวลดลงจะเห็นว่านักลงทุนรายย่อยหรือ " เม่า " เป็นฝ่ายซื้อ และ นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายสวนทางกันมาโดยตลอด
สาเหตุหลักที่ " เม่า " ชอบซื้อสวนทิศทางตลาดหุ้นขาลงและซื้อสวนทางการขายของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนซื้อๆขายๆน่าจะมาจาก " เม่า " ชอบเก็งกําไรระยะสั้น โดยพอมีเรื่องเล็กๆน้อยๆเข้ามากระทบ " เม่า " ก็มักจะตัดสินใจซื้อและขายหุ้นทันที ซึ่งอุปมาอุปมัยเปรียบได้กับ " ตดก็ขาย ผายลมก็ซื้อ " ดังกล่าวข้างต้น และพอ " เม่า " ได้กําไรนิดๆหน่อยๆ " เม่า " ก็ขายแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม พอ " เม่า " ขาดทุนกลับถือหุ้นยาวกลายเป็น Value Investor ภาคบังคับ เพราะ " เม่า " ชอบถือคติที่ว่าไม่ขายไม่ขาดทุน แล้วในที่สุดก็จะทําให้ " เม่า " ขาดทุนน้อยกลายเป็นขาดทุนมาก และหมดตัวในที่สุด
ไม่ไช่ว่า " เม่า " ไม่รู้เรื่องหุ้น เพราะส่วนใหญ่แล้ว " เม่า " มักจะรู้เรื่องหุ้นดีมากๆ แต่เวลาเล่นจริงมักจะเสีย ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
และที่สําคัญที่สุด เป็นเรื่องธรรมดามากที่เวลา " เม่า " เล่นหุ้นได้ " เม่า " มักจะคุยโม้โอ้อวด แต่เวลา " เม่า " เล่นหุ้นเสีย " เม่า " มักจะเงียบเป็นเป่าสาก!
หมายเหตุ : ที่มาจาก ( www.settrade.com )