ห้องเม่าปีกเหล็ก

TOP โชว์กำไร Q3 พุ่ง

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
56 views

TOP โชว์กำไร Q3 พุ่ง 188% เดินหน้าลงทุน 1.1 แสนลบ.

"ไทยออยล์(TOP)" เผยไตรมาส 3/64 มีกำไร 2.06 พันลบ. โต 188% หลังราคาขายเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นตามราคาน้ำมันโลก ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไร 7.5 พันลบ. โต 171% คาดแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/64 และทั้งปี 65 เหตุความต้องการน้ำมัน-ราคาขายสูงขึ้น พร้อมเดินหน้าลงทุน ตามแผน 4 ปี ใช้งบ 1.1 แสนลบ.

*** ประกาศกำไร Q3/64 ที่ 2,063 ลบ. โต 188%

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 2,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 715.3 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขาย 79,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,843 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ

ส่วนกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 4.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน และ น้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด กับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลขับขี่ที่เพิ่มขึ้น หลังหลายประเทศมีมาตรการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและสหรัฐฯ ประกอบกับ อุปทานน้ำมันเบนซินที่ตึงตัวจากพายุเฮอริเคนไอดา รวมถึงจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 929 ล้านบาท และ มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบ และ น้ำมันสำเร็จรูป 280 ล้านบาท เทียบกับการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบ และ น้ำมันสำเร็จรูป 378 ล้านบาทในไตรมาส 3/63 เมื่อรวมกับผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 479 ล้านบาท เทียบกับกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 144 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มี EBITDA เพิ่มขึ้น 2,965 ล้านบาท และ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิเพิ่มขึ้น 770 ล้านบาท ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินลดลง 221 ล้านบาท

*** งบ 9 เดือน มีกำไร 7.5 พันลบ. โต 171%

บริษัท ไทยออยล์ แจ้งว่า ในขณะที่งวด 9 เดือนปี 64 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 7,545.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 10,558.83 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 231,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,598 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงจากการปรับแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 4.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 12,354 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,190 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
  ส่วน EBITDA อยู่ที่ 22,060 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน EBITDA ที่ 5,549 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน 2,256 ล้านบาท และ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 5,118 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 616 ล้านบาท

*** คาดแนวโน้ม Q4/64 ธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้นต่อเนื่อง

บริษัท ไทยออยล์ คาดการณ์ว่า ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส3/64 จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้น และ ปี 65 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังหลายประเทศมีแนวโน้มยกเลิก หรือ ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดีส่งผลให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัว
ในขณะที่สถานการณ์ตลาดพลังงานโลกไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติ และ ถ่านหินมีความตึงตัวอย่างมาก และ อาจทำให้หลายอุตสาหกรรมต้องหันมาใช้น้ำมันทดแทน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนี้ ส่งผลให้คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มขยายตัว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันจากไตรมาส 3/64 แตะระดับ 100 ล้านบาร์เรล/วัน
ส่วนปี 65 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกจะอยู่ที่ระดับ 101.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 64 ราว 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

*** คงงบลงทุน 4 ปี(64-67) 1.1 แสนล้านบาท
  บริษัท ไทยออยล์ ระบุว่า บริษัทมีแผนการลงทุนโครงการในอนาคต ตั้งแต่ปี 64-67 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,431 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(หรือประมาณ 1.13 แสนล้านบาท อิงค่าบาทที่ 33 บาท/ดอลลาร์) ส่วนใหญ่เป็นโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) 1,902 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ เงินลงทุนในธุรกิจโอเลฟินส์ของบริษัทฯ โดยผ่านการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ประมาณ 1,183 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ โครงการอื่นของบริษัทฯ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ


Sunnyday