สรุปข้อมูลชัดลึกทุกประเด็น! กับกิจกรรม CV@MC - 3 มี.ค. 64

นำโดย คุณต่าย_ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ CEO พร้อมด้วย คุณปิยะ โอฬารริกสุภัค CFO
และคุณ คุณานนท์ จันทรภาสวร Business Development Manager
ที่มาบรรยายและนำเสนอ พร้อมตอบข้อซักถาม จึงรวบรวมนำมาสรุป...ดังนี้

เริ่มจากคุณต่าย ชนัญญารักษ์ CEO เล่าถึง Background ของตัวเองก่อนว่า
ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง CEO ตั้งแต่ เดือนตุลาคม ปี 2019 เดิมทีส่วนใหญ่จะทำงานใน Global International ซึ่งมีระบบงานมาตรฐาน
เข้าทำงานเป็นกรรมการหลายที่ เช่น เทเลนอร์

พอได้เข้ามาทำงานที่ MC จึงตั้งใจทำ Business turn around และตั้งใจพาไปให้เป็น International brand ให้ได้ และเน้นเรื่อง supply chain
ส่วนคุณปิยะ โอฬารริกสุภัค CFO ก็มาร่วมในพาร์ทการเงิน และได้รับ License CFA Certified จาก U.S.A.
โดยก่อนที่จะมาอยู่กับเรา เคยทำงานกับ KERRY มาก่อน

ส่วนคุณ คุณานนท์ เรียนจบจากแคนาดา มาร่วมงานกับเรา มีความสามารถ และเก่งเรื่องการวิเคราะห์ เคยทำที่ บล.ฟิลิป มาก่อน

 

>> Business Update <<
จากปี 2019 เราเติบโตมาตลอด กำไรเติบโตขึ้นประมาณ 30% และปีนี้เรามีปันผลประมาณ 35 สตางค์
3 years plan

ปี 2020 เจอ COVID-19 ซึ่งเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยการทำ Fast forward transformation
ใน ปี 2020 ได้ทำ ได้แก่

1. การทำ Supply chain management ปรับปรุง Store efficiency , Supply , ปรับของให้เข้ากับ Target ของเรา

2.Build up Platform Digital เพื่อแก้ปัญหา Off line store ที่ปิดในช่วง COVID-19
ทำ Platform online โดยเราก็ปล่อย MCshop.com ส่งขายใน Marketplace อย่าง Shopee , Lazada

3. การทำ O2O ทำอย่างไรให้การซื้อของ Online และ Offline ให้ไม่ต่างกันมาก
ปีนี้ มี Growth ระยะสั้น ที่ทำได้เลย และ Growth ระยะยาวในปี 2021

 

Expand source of growth มีทั้งทำได้เลยและต้องใช้เวลา ตัวที่ทำได้เลย เช่น
1.New Customer Segments : เน้นกลุ่มลูกค้า Millennials และ Woman

2.Expand portfolio ใหม่ เน้นกลุ่ม Denim และ Non-denim
3.Channel collaboration

ปี 2022 Go International Market
- International partnership เราต้อง expand to South-East Asia, Partner จากประเทศมาเลยเซีย ในปีนี้ เริ่มเห็นผลในปีหน้า
- Branding building and Marketing exposure
เรามาว่าในปี 2021 กัน

ปีนี้ Income growth 10-12% CAGR, จุดแข็ง การบริหารจัดการทำให้ NP ค่อนข้างสูงกว่าตลาด
EBIT โต 10-12% CAGR

Short term gain share of wallet มีการทำ Branding ทำ Marketing ชัดเจน ทำให้ Perform ชัดเจน

Long term ( S curve ) ต้องใช้เวลาเพราะมีการทำ R&D เดิม Market segment ช. : ญ. อยู่ที่ประมาณ 50:50 แต่ตอนนี้ 70:30
ทำให้เรากลับมาให้ความสนใจ ในเรื่อง ได้แก่
1. กลุ่ม Female เรามียอดขายในส่วนผู้หญิงหายไปเยอะ และตั้งใจว่าภายใน 3 ปี ต้องกลับมาใกล้เคียงเดิม

2. กลุ่ม Millennials หรือกลุ่ม Gen Y ตอนนี้มีสัดส่วนที่ประมาณ 40-50% ตั้งใจให้กลายเป็น 60-70%

3. Online e-Commerce มีทั้ง Own channel และ Marketplace อย่าง Shopee, Lazada

4. ตลาด International
Dimension of strategic growth
Target FY2023
Denim +30%, Non-Denim +40%
Men +10%, Women +100%
Millennials เพิ่มเป็น 2.8 เท่า และ Non millennials เพิ่มเป็น 1.5 เท่า
Offline เพิ่มเป็น 1.4 เท่า, Online เพิ่มเป็น 2.6 เท่า
Repeat Business Model-Chance Creation to increase Spending per head

Short term growth สินค้าเราแข็งแกร่งในกลุ่ม Jeans อยู่แล้ว
แต่เราก็มีพระเอกอย่าง Hoodie โดย +30% จาก FY20 , Sneaker เพิ่มขึ้น +90%
เราไม่ได้เน้นการทำ Fast model ที่ Stock ของเยอะๆ แล้วขายไม่ออกก็ต้องทำ Marketing ลดแลกแจกแถม แต่เราทำใน Scale เล็กๆ ก่อน มีทั้งที่ดีและไม่ดี

Long term
Win back woman segment ทำ R&D เพื่อหาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด โดยเราเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับกลุ่มผู้หญิง
Digital brand โดยการทำ e-Commerce
International market
Dimension of strategic growth
Repeat Business Model-Chance Creation to increase spending per head
1.Create concept
2.Launch and test
3.Proven Momentum
4.Repeat Business
ตัวอย่างสินค้า Our Repeat Concept Business
1.Mc Selvedge series jeans
2.Mc Signature Hoodies
3.Mc Selvedge Sneaker
4.Mc Me Series Jeans (Save My Ass) (New)
Women จาก ช:ญ = 70:30 ให้กลายมาเป็น 55:45
ตัวกลุ่มนี้ต้องการความหลากหลายของกลุ่มสินค้า โดยเราก็มีทั้ง Short , Skirt , Dress , Shirt

ซึ่งเรามี New campaign อย่าง McMe SAVE MY ASS,
Less is More อย่าง McMe SAVE MY ASS เนี่ยเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยคิดว่าลูกค้าต้องการ เพื่อแก้ Pain point ลูกค้า
Millennials เดิม Millennials : non-millennials = 45:55 ให้กลายมาเป็น 60:40
กลุ่มที่มีความเป็น Fashion มากขึ้น โดยสินค้าจะมาใน Q3-Q4 นี้ จะมากับ local หลายอย่าง กลุ่มนี้ชอบสินค้าที่มีความเป็น Life style
มากกว่าการขายสินค้าธรรมดา โดยมีการสื่อสารใหม่ ซึ่งเราค้นพบว่ากลุ่มนี้มีการพูดคุยถึง Football
และเราก็มีการ Collaborate กับ พรีเมียร์ลีก ที่มีนักฟุตบอลชื่อดังอย่าง Michael Owen (อดีตนักฟุตบอล) และ Dimitar Berbatov มาร่วมแคมเปญด้วย
และจะมี Ad.ของเราวิ่งรอบสนามในพรีเมียร์ลีก ส่วนในไทยก็มี พี่ บ.บู๋ และ พี่อดิศรซึ่งทั้งหมาจะมา
ใน theme MC Matchday
Online : Online Contribution from 12% to be 20%
Digital Brand เรามี Mcshop.com , shopee , Lazada มากกว่า 15% of income form online
- Mcshop.com growth 100% YoY
- Lazada growth 239% YoY
- Shopee growth 541% YoY
และ O2O platform มีการปล่อย Campaign Boss Project คือ ถ้ามีการซื้อของทาง Online

ไม่ว่าจะช่องทางไหน ถ้าไม่ชอบ ไม่ถูกใจ สามารถนำมาเปลี่ยนได้ที่ Shop offline ของเรา
เรายังมี Affiliate program คือด้วยความที่เรามี PC ประมาณ 1,150 คน ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้า Local ที่อยากเจอคนมากกว่าทาง Online เราก็สามารถ Convert มาได้

 

ถามตอบ Q&A
Q : เราเคยทำ Brand check ไหม?
A : เคยทำ เขาบอกว่า MC เป็น Daddy brand หรือแบรนด์รุ่นพ่อ ทำให้เราต้องไปเช็คว่า Millennials ใส่อะไร
เราก็เริ่มทำให้ตอบโจทย์มากขึ้น และตัดสินใจ Invest ทั้ง Platform, กลุ่ม Influencer ต่างๆ เราเปลี่ยนรูปแบบ
Shop MC แรกที่ Mega Bangna ซึ่งผลตอบรับดีมาก ๆ ทำให้เราทยอยทำการปรับเปลี่ยนอยู่

 

Q : Margin Online vs Offline
A : Online = 30% Offline = 15%
แต่ Marketing spending online 5-7%
Mc ต้องมีข้อมูลดิบ ซึ่งเรามี Platform ดูเรื่องนี้อยู่แล้วว่า ตัวไหนที่กำไร เช่น สินค้าพวก Non-Denim กำไรเยอะ
เช่น เสื้อยืด ขายได้ 500-600 ลบ. ซึ่งกลุ่ม Millannials เป็นผู้ใช้

 

Q : ทำไมการไปต่างประเทศ เราถึงเลือก อิหร่าน?
A : เราไม่ได้เลือก เขาเลือกเราไปเอง และเป็นการซื้อของเราไปขายต่ออีกที
ปีหน้าจะขยายไปต่างประเทศ คือ มาเลเซีย

 

Q : GPM 60% เพิ่มจากอะไร และจะสามารถเพิ่มได้อีกไหม?
A : GP ส่วนนึงมาจาก Non denim อีกส่วนก็เราสามารถจัดการภายในได้ดีขึ้น ทำให้ Cost ลดลง 5% ทุกปี
กำไรมาจากสินค้าใหม่ที่ออกเร็วมากขึ้น และอีกส่วนมาจากสินค้าเก่า

 

Q : ยอดขายต่อบิลเฉลี่ย?
A : Online 1,150-1,200 บ. และ Offline 1,400-1,500 บ.
CRM เราลงทุนมากขึ้น เพื่อเชื่อมกับ Operator และสามารถแลกคะแนนกับรางวัลได้เลย

 

Q : Active Customer
A : ประมาณ 40% เราวัดตรงนี้จากภายใน 1 ปี มีการซื้อของเราซ้ำมากกว่า 2 ครั้ง

 

Q : มีสินค้าสำหรับเด็กไหม?
A : ตอนนี้ยังไม่มี

 

Q : งบ 3 เดือน มีต้นทุนทางการเงิน และ ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้นมาจากอะไร?
A : เข้าใจว่ามาจาก TFRS 16 ทำให้เกิดความแตกต่าง เรามีหนี้สินเกือบเป็นศูนย์
งบการเงินของเรา โต Y-Y ทั้งที่ BOI หมดแล้ว

 

Q : เห็นลูกหนี้การค้าเพิ่ม
A : ถ้าเป็น QoQ ก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นเพราะเป็นช่วง High season แต่ถ้าดูเป็นรายปีแล้วค่อย ๆ ลดลง

หลังจากที่คุณต่ายตอบข้อซักถามทุกประเด็นแล้ว จึงนำคณะสมาชิกนักลงทุน Thai VI เยี่ยมชม Shop MC Flagship Store สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์

 

ขอขอบคุณ : ผู้บริหารทุกท่าน ทีมงาน MC รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้
ข้อมูลสรุปจาก : คุณอมร amornkowa คุณบูม kongang