
ราคาหุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พุ่งทะยานทำนิวไฮใหม่ (พฤหัสฯ 6 ก.ค.) ปิดที่ 49.75 บาท เพิ่มขึ้น 5.29% ปริมาณซื้อขายติดอันดับหนึ่งด้วยตัวเลขสูงถึง 4.6 พันล้านบาท
คุณปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บอกกับ Money Channel ว่าได้ปรับใช้ราคาพื้นฐาน AOT ปี 2561ที่ 50.80 บาท จากเดิม 45.40 บาท เพราะเล็งเห็นถึงการเติบโตต่อเนื่อง และมองการที่นักลงทุนหันมาเทรดบนราคาปีหน้า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากภาวะตลาดที่ไม่ค่อยสดใส ทำให้นักลงทุนสลับกลุ่มโยกเงินมาลงในหุ้น AOT มากขึ้น หลังราคาหุ้นใหญ่อย่างพลังงานและธนาคารปรับตัวลง
แต่ถ้ามองเรื่องปัจจัยเชิงพื้นฐาน ยังดูมีโอกาสเติบโตในระยะยาว ขณะที่ผลประกอบการในแต่ละไตรมาสก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง นักลงทุนจึงมีมุมมองเป็นบวกในอนาคตจากแผนลงทุนขยายสนามบินรองรับผู้โดยสาร ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 100 ล้านคนจากสิ้นปี 2559ที่ 83.5 ล้านคน และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 181 ล้านคน ดังนั้น ทิศทางรายได้จะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
ประกอบกับ AOT มีโอกาสจะปรับเพิ่มภาษีสนามบินในอนาคตจะเป็นตัวแปรที่สร้างอัพไซด์ได้อีกมาก
สำหรับประเด็นการปรับเพิ่มค่าเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ ข้อมูลล่าสุด AOT เจรจาปรับเพิ่มค่าเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ออกมาแล้วต่ำกว่าที่คาด จากเดิมที่เรียกร้องค่าเสียหายย้อนหลังระหว่างปี 2555-59 รวม 2.07 หมื่นล้านบาท แต่เงื่อนไขใหม่คือค่าเช่าที่ดินสนามบินสุวรรณภูมิจะคิดจากส่วนแบ่งรายได้ 5% และคิดในส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (non-aeronautic) จะคิดค่าเช่าในรูปแบบตามอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA)
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่มีผลลบต่อกำไรของ AOT อย่างมีนัยสำคัญ เพราะปีนี้คาดจะกระทบแค่หลักร้อยล้านบาท ส่วนปีหน้าจะกระทบราวๆ 2-3 พันล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่การบินต้องจ่าย 1-2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ในอนาคตสามารถผลักภาระบางส่วนให้ผู้เช่าได้ ขณะเดียวกันหากเทียบกับกำไร AOT จึงไม่เห็นสัญญาณลบทำให้ฝ่ายวิจัยไม่ต้องปรับประมาณการ
"แม้ว่าเงื่อนไขดังกล่าวจะชัดเจนแล้ว แต่ต้องต้องรอผลการเจรจาและเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการก่อน มีความเป็นไปได้จะเห็นความชัดเจนในสัปดาห์หน้า (วันที่ 11-14 ก.ค.)"
ด้านนักวิเคราะห์ "เคจีไอ" บอกว่า กำไรสุทธิปีนี้ของ AOT (1 ต.ค.59-30 ก.ย.60) จะเติบโต 8% มาอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้น 10% ในปีถัดไป (1 ต.ค.60-30 ก.ย.61)โดย เป็นอัตราการเติบโตที่มองแบบ conservative อยู่แล้ว และหากการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้นก็น่าจะเห็นโอกาสเพิ่มประมาณการได้ ปัจจุบันทางเคจีไอแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การแข่งขันที่รุนแรงในการได้ทำธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (duty free) ในสนามบิน คาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ให้กับ AOT สำหรับในส่วนพื้นที่ใหม่จะมีการเปิดประมูลในช่วงต้นปีหน้า รวมทั้งในส่วนสัมปทานปัจจุบันที่คิงเพาเวอร์ได้ทำอยู่จะหมดอายุลงในเดือน ก.ย. 2563
ปริมาณผู้โดยสารต่างประเทศที่มาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ถึงปัจจุบัน โดยสำหรับเดือน เม.ย.-พ.ค. และ 1-20 มิ.ย.60 เป็น 7.6%, 7.3% และ 10.9% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยไตรมาสแรกอยู่ที่ 2.2% และไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 4.9%
การที่นักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น หนุนอัตราการเติบโตกลับมาอยู่แดนบวกอีกครั้ง โดยตัวเลขเดือน พ.ค. พลิกเป็นบวก 3.2% เมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกที่ติดลบ 7.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดีบีเอสฯ ระบุว่า แม้ได้มีการปรับประมาณการปีนี้และปีหน้าลดลง 2% และ 1% ตามลำดับ สะท้อนค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาพื้นฐานใหม่ของ AOT ปรับเพิ่มเป็น 55 บาท เพราะเปลี่ยนมาใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าจากเดิมใช้ของปี 2560
*********************************
ที่มา : Business&Finance, Money Channel