TOP แนวโน้มที่แข็งแกร่งทั้งระยะสั้นและระยะยาว
วงจรการกลั่นในระยะสั้นแสดงถึงโอกาสการปรับตัวดีขึ้นของ GRM ในช่วงจุดสูงสุดฤดูหนาว เราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวในช่วงจุดสูงสุดในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากวงจรการกลั่นแสดงถึงค่าการกลั่นจากจุดสูงสุดสู่จุดสูงสุดหรือจากจุดต่ำสุดถึงจุดต่ำสุดในทุก ๆ 4-6 เดือน
ดังนั้น เราจึงคาดว่า GRM จะฟื้นตัวขึ้นภายในเดือนธ.ค. 2566 - ม.ค. 2567 และจะถึงระดับสูงสุดในระยะสั้นในช่วงอุปสงค์ฤดูหนาวสูงสุดในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. 2567 นอกจากนี้ ความเชื่อของเรายังได้รับการสนับสนุนจากปริมาณสต็อกน้ำมันกลุ่มดีเซลที่ค่อนข้างต่ำทั้งในสิงคโปร์และสหรัฐฯ
คาดกำไรไตรมาส 3/2566 จะดีขึ้น YoY, QoQ เราประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 ของ TOP ที่ 1.04 หมื่นลบ. (กำไรต่อหุ้น (EPS): 4.67 บาท) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้ง YoY และ QoQ จาก GRM ที่ดีและการพลิกกลับมามีกำไรสต็อกน้ำมัน ทั้งนี้ เราคาดว่า GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้น 74% YoY และ 107% QoQ เป็น 12.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
ในขณะเดียวกันเราคาดว่า TOP จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันจำนวน 8.3 พันลบ. พลิกจากขาดทุน 9.0 พันลบ.ในไตรมาส 3/2565 และ 1.9 พันลบ.ในไตรมาส 2/2566 โดยในไตรมาสนี้ เราประเมินว่า TOP จะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 3 รายการหลัก ได้แก่: 1) ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงน้ำมัน 1.0 พันลบ. 2) ค่าทำความสะอาด 100 ลบ.สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลเมื่อเร็ว ๆ นี้ และ 3) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 700 ลบ.จากการอ่อนค่าของเงินบาท
คาดมีการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหลังโครงการ CFP เสร็จสื้น ในปี 2568 เราคาดว่า GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เนื่องจากประโยชน์ของการใช้น้ำมันดิบชนิดหนัก (heavy crude) ที่สูงขึ้น 40-50% รวมถึงการปรับเปลี่ยนผลผลิตน้ำมันเตาทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันกลุ่มดีเซล ได้แก่ น้ำมันเครื่องบินและดีเซล
ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยให้ TOP สามารถประหยัดต้นทุนน้ำมันดิบได้ 4-5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล และในส่วนค่าการกลั่นส่วนเพิ่มจากการเปลี่ยนน้ำมันเตาเป็นน้ำมันเครื่องบิน/ดีเซลจะอยู่ที่ 1.5-2 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล นอกจากนี้ โครงการ CFP ยังรวมถึงการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันดิบอีก 45% หรือจาก 275 KBD เป็น 400 KBD ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP จะเติบโตขึ้น 4.5 พันลบ.-1.04 หมื่นลบ./ปี ด้วยเหตุนี้ เราจึงคาดว่า ROE ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นจาก 7.9% เป็นมากกว่า 10% ในปี 2568 ซึ่งน่าจะนำไปสู่การปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นในท้ายที่สุด
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วย TP 55.50 บาท TOP จะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดจากส่วนต่างราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลที่สูงขึ้นท่ามกลางฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา อีกทั้ง ROE ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อตัวคูณมูลค่าในอนาคต
