วิเคราะห์ ‘หุ้นแรร์เอิร์ธ’ สหรัฐพุ่งแรง 600% สัญญาณ ‘ซูเปอร์ไซเคิล' รอบใหม่?
วิเคราะห์ ‘หุ้นแรร์เอิร์ธ’ สหรัฐพุ่งแรง 673.33% หลังจีนเลื่อนคุมส่งออกแร่หายาก 1 ปี จับสัญญาณ ‘ซูเปอร์ไซเคิล' รอบใหม่สู่ ‘ยุคทอง’ แรร์เอิร์ธ ชี้ปัจจัยการเมือง-เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ดันดีมานด์พุ่ง

แร่ธาตุสำคัญ หรือ “แรร์เอิร์ธ” ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญในสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่าง จีนและสหรัฐ สถานการณ์นี้ทำให้ “ราคาหุ้น” ของบริษัทเหล่านี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุน
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นยังคงผันผวนตามสถานกาณ์ของการพบกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 แต่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตแร่ในสหรัฐปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นำโดย Critical Metals ยังคงพุ่งขึ้นถึง 241% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น NioCorp Developments, Energy Fuels และ Idaho Strategic Resources ก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 100% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ช่วง 10 เดือนแรกตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น Energy Fuels ได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า หรือเกือบ 400% ในขณะที่ ราคาหุ้น NioCorp Developments เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า หรือ 673.33% จาก 1.52 ดอลลาร์ มาแตะที่ 11.6 ดอลลาร์ ต่อหุ้น
หุ้นแรร์เอิร์ธ ในสหรัฐพุ่งขึ้น ภายหลังการประชุมของทรัมป์และสี เมื่อจีนเผยบทสรุปว่า จีนได้ตกลงที่จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกธาตุหายาก ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 9 ต.ค. ออกไปเป็นเวลา 1 ปี การตัดสินใจนี้ถือเป็นการบรรเทาความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุสำคัญเหล่านี้ชั่วคราว
วิเคระห์ปัจจัยดันราคาหุ้นพุ่ง
ออดัน มาร์ตินเซ่น นักวิจัยจาก Rystad Energy ให้ความเห็นว่า การพุ่งสูงขึ้นของราคาหุ้นบริษัทแร่หายากในช่วงที่ผ่านมา มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างสหรัฐและจีน 2.การสนับสนุนนโยบายเชิงกลยุทธ์จากรัฐบาล และ 3.การเก็งกำไร จากกระแสความสนใจและการลงทุนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วในตลาด
ด้าน เกอร์นอท วากเนอร์นักเศรษฐศาสตร์ด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่ามีปัจจัยชัดเจน 2 ประการ ที่ส่งผลต่อการแข่งขันระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นในการแย่งชิงแร่ธาตุ
ข้อแรกคือ ปัจจัยเชิงโครงสร้าง เมื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และกำลังเร่งตัวขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้ต้องอาศัยแร่ธาตุสำคัญจำนวนมาก และความต้องการแร่ธาตุที่สูงขึ้นจะผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ถัดมาคือ ปัจจัยทางการเมือง อย่างที่ทราบกันดีว่า จีนเป็นซัพพลายเออร์แร่ธาตุราคาถูกหลายชนิด และการครองตลาดนี้ "ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ" แต่เกิดขึ้นจากการที่จีนลงทุนอย่างหนักในนโยบายอุตสาหกรรมสีเขียวมาหลายปี เรื่องนี้ทำให้สหรัฐหันกลับมาให้ควาสนใจที่จะดึงห่วงโซ่อุปทานกลับประเทศด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ซึ่งจะผลักดันราคาและมูลค่าหุ้นของบริษัทเหมืองแร่ในสหรัฐ
ยุคทอง ‘แร่หายาก’ มาถึงแล้ว
โทนี่ เซจ (Tony Sage) ซีอีโอของ Critical Metals ชี้ว่า การที่หุ้นบริษัทขุดแร่หายากที่จดทะเบียนในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาด
เซจเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับช่วงการเติบโตครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ 4 ครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงเฟื่องฟูของทองคำในศตวรรษที่ 19, ช่วงเฟื่องฟูของน้ำมันในศตวรรษที่ 20, ช่วงเฟื่องฟูของเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 และตอนนี้ก็เป็นช่วงเฟื่องฟูของ “แร่หายาก” พร้อมเน้นย้ำว่า "แต่ความเฟื่องฟูของแร่ธาตุหายากคืออนาคต มันจะขับเคลื่อนทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น
นอกจากนี้ เซจได้ออกมาเตือนนักลงทุน โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ของแร่ธาตุหายากในปัจจุบันกับช่วงเฟื่องฟูของทรัพยากรอื่น ๆ ในอดีต "เช่นเดียวกับช่วงเฟื่องฟูอื่น ๆ มีบริษัทน้ำมันจำนวนมากที่หาน้ำมันไม่ได้ และมีบริษัททองคำจำนวนมากที่หาทองคำไม่ได้ ซึ่งอาจมีบริษัทแร่ธาตุหายากจำนวนมากที่หาไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อกระแสนี้บูมขึ้นมา ก้จะมีการลงทุนอย่างล้นหลาม"
“การเติบโตของตลาดแร่ธาตุหายากจะไม่เป็นไปในลักษณะที่พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง แต่จะเป็นเส้นหยัก ๆ ขึ้นอยู่กับการเดินหน้าของบริษัทที่มี 3 ปัจจัยสำคัญ คือ โครงการที่เหมาะสม, สถานที่ที่เหมาะสม และพันธมิตรที่เหมาะสม"
นโยบายรัฐดัน 'ซูเปอร์ไซเคิล’ แรร์เอิร์ธ
เควิน ดาส (Kevin Das) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเทคนิคของ New Frontier Minerals ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแร่ธาตุหายากในออสเตรเลีย เห็นด้วยกับความเห็นของ เซจที่ว่าตลาดกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้ราคาหุ้นอาจมีการปรับตัวลดลงบ้าง
“ขณะนี้คนกำลังให้ความสนใจกับ “ซูเปอร์ไซเคิล” ของตลาดแรร์เอิร์ธ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน และเกิดภาวะการลงทุนไม่เพียงพอ แต่การมาของ “AI” กำลังกลายเป็นปัจจัยเร่งให้เราได้พบกับซูเปอร์ไซเคิลที่ใหญ่ขึ้นและยาวนานขึ้นมาก เพราะเทคโนโลยีใหม่จะยิ่งผลักดันความต้องการแร่ธาตุเหล่านี้“
ดาสได้เปรียบเทียบสถานการณ์ในตลาดแร่ธาตุหายากกับการเติบโตของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับลิเธียมในช่วงก่อนหน้า โดยระบุว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด
ย้อนไปในยุคของรัฐบาลไบเดน สหรัฐมีการสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาด สอดคล้องกับการพุ่งขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับลิเธียม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ EV
ในยุคนี้ รัฐบาลทรัมป์ก็กำลังสนับสนุนแร่ธาตุหายากซึ่งบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องในการให้ความสำคัญกับแร่ธาตุสำคัญในนโยบายระดับชาติ
“ในช่วง 9-10 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่การที่ทรัมป์พูดถึงการการผนวกกรีนแลนด์ การทำข้อตกลงกับยูเครนสำหรับแร่ธาตุหายาก และการที่กระทรวงกลาโหมจะซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ใน MP Materials ซึ่งเป็นเหมืองแร่แรร์เอิร์ธแห่งเดียวที่ยังคงดำเนินการอยู่ในสหรัฐ”
อย่างไรก็ตาม มาร์ตินเซนเตือนว่าหนทางนี้จะ "เป็นเส้นทางที่ยาวไกล มีค่าใช้จ่ายสูง และเต็มไปด้วยอุปสรรค" เนื่องจากความซับซ้อนของทรัพยากรที่เพียงพอและคุ้มทุน รวมถึงความหลากหลายของธาตุที่จำเป็น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมห่วงโซ่อุปทานได้อย่างสมบูรณ์
อ้างอิง CNBC
ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/world/1206036