จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.ย. กระทบตลาดหุ้นไทยแค่ไหน?

โบรกฯ เปิด 3 ทางเลือก SET หลังสหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อก.ย.วันพรุ่งนี้ ชี้หากสูงกว่าคาดที่ 8.1% อาจทำตลาดกังวลลงไปถึง 1,500 จุด แต่หากต่ำกว่าคาด อาจเห็น SET ฟื้นไป 1,600 จุด พร้อมหนุนต่างชาติซื้อ 1.5-2 หมื่นลบ.
.
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนติดตามในช่วงวันหยุดนี้คือ การรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ในวันที่13 ก.ย.65 ซึ่งตลาดคาดเพิ่มขึ้น 8.1% โดยเงินเฟ้อจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมรอบเดือนพ.ย.นี้เช่นกัน
.
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้สำรวจความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ ถึงตัวเลขเงินเฟ้อในรอบนี้ว่าจะมีมุมมองเป็นไปตามตลาดคาดการณ์หรือไม่ และจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรให้นักลงทุนได้รับทราบดังนี้
.
*** บล.ทิสโก้ คาดออกมาตามคาด มองกรอบดัชนีฯ 1,580-1,600 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า คาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะออกมาตามคาด ประเมินตลาดกลับมารีบาวด์ได้ หลังโดนแรงเทขายไปก่อนหน้านี้ โดยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 4% ซึ่งหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมที่จะถึงนี้อีก 0.75% จะทำให้หุ้นกลุ่มที่อิงกับดอกเบี้ยได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ และ กลุ่มโรงไฟฟ้า โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าสะสม ซึ่งดัชนีคาดไว้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580-1,600 จุด
.
แต่ถ้าเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โดยมองเป็นจังหวะที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้น หลักๆ หนีไม่พ้นหุ้นที่ขานรับต่อดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น ประกันชีวิต และ ธนาคาร ตลอดจนหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศ ซึ่งประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,550-1,600 จุด
.
ส่วนกรณีหากเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด จะสร้างความผันผวนมากขึ้น จากที่ปัจจุบันตลาดก็มีความผันผวนอยู่แล้ว โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจจะกระแสเงินทุนไหลกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ หรือ หุ้นบลูชิพ ซึ่งเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์ เช่น ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า และ กลุ่มเปิดเมือง ซึ่งประเมินกรอบล่างไว้ที่ 1,520-1,530 จุด และ กรอบบนไว้ที่ 1,570-1,575 จุด
.
*** บล.เอเซีย พลัส แนะหุ้นท่องเที่ยว-Domestic Play
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า เงินเฟ้อจะออกมาตามคาดที่ 8.1% ถือว่าลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.3% ซึ่งเงินเฟ้อที่จะประกาศจะตรงกับวันหยุดของไทย และ อาจทำให้วอลุ่มหายไป โดยอาจทำให้กรอบ SET เคลื่อนไหวจำกัดที่ 1,554-1,620 จุด สำหรับหุ้นที่แนะนำ คือ กลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT , CENTEL , ERW ในขณะที่ กลุ่ม Domestic Play แนะนำ CBG , CRC , HMPRO , COM7 , ASK
.
ถ้าต่ำกว่าคาดจะส่งผลต่อ Sentiment ที่ดี โดยตลาดจะผ่อนคลายลง ซึ่งกรอบดัชนีจะขยับเดินต่อไปได้ โดยหากมองย้อนไปตอนที่เงินเฟ้อสหรัฐพีคสูงสุด คือ เดือนก.ค. ที่ 8.5% แต่ตลาดคาด 8.7% ตลาดหุ้นไทย กับ สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ โดยหุ้นที่น่าสนใจ คือ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่ม Domestic Play เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศหรือหุ้นที่มีการฟื้นตัวไปกับภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศ สำหรับหุ้นที่แนะนำ คือ กลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT , CENTEL , ERW ในขณะที่ กลุ่ม Domestic Play แนะนำ CBG , CRC , HMPRO , COM7 , ASK โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,520-1,580 จุด
.
แต่ถ้าสูงกว่าคาดตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้น และ นำไปสู่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยตาม ซึ่งตลาดคาดว่าการประชุมครั้งถัดไปเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มีโอกาสสูงถึง 79% โดยจะทำให้ SET ปรับตัวลงมาแรง ซึ่งประเมินกรอบไว้ที่ 1,520 จุด โดยมีจุดรับแรกที่ 1,540 จุด ส่วนกรอบบนคาดไว้ที่ 1,580 จุด ซึ่งกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน ประกอบด้วย กลุ่มธนาคาร โดยอิงจากการที่ดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น BBL ส่วนกลุ่มประกัน แนะนำ TLI และ BLA
.
*** บล.ยูโอบี เคย์เฮียน คาดหากต่ำคาด อาจเห็นเฟดคงดอกเบี้ยหลังพ.ย.
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแแนซ์ไทย" ว่าการประกาศเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในรอบนี้คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าคาดถึงคามคาด คือกรอบ 8-8.1% โดยหากออกมาตามคาดที่ 8.1% คาดว่าดัชนีฯ แค่แกว่งตัว 1,550-1,564 จุด โดยแนะนำหุ้นเปิดเมือง ได้แก่ SPA , VRANDA , KISS
.
แต่หากต่ำกว่า 8.1% อาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.65 และหลังจากนั้นอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด มองว่าดัชนีฯ ติดแนวรับสำคัญ 1,550 จุด โดยหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์คาดว่าจะตอบรับเชิงบวกในระยะสั้น แนะเก็งกำไร SAWAD , AMANAH ก่อนประกาศงบไตรมาส 3/65
.
อย่างไรก็ตามหากออกมาสูงกว่าคาด ประเมินว่าตลาดกังวลการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของสหรัฐฯ เช่น การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีผลให้ดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลดลงหลุด 1,564 จุด มีแนวรับที่ 1,550 / 1,520 และ 1,500 ตามลำดับ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะตอบรับโดดเด่น แนะนำ BBL
.
*** บล.หยวนต้า มั่นใจเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด หนุนต่างชาติซื้อ 1.5-2 หมื่นลบ.
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแแนซ์ไทย" คาดว่ามีโอกาสเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อที่คาดหวังว่าเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้ว โดยคาดว่าดัชนีฯ มีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,580 -1,590 จุด เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าที่ 37 บาท/ดอลลาร์ และคาดว่าต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิที่ในระดับ 15,000-20,000 ล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งกลุ่มที่แนะนำได้แก่ธนาคารพาณิชย์รับประโยชน์เงินต่างชาติไหลเข้า , กลุ่มหุ้นไฮโกรทเช่น อิเล็กทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์ , ค้าปลีก , ท่องเที่ยว
.
อย่างไรก็ตามหากสูงกว่าคาด มองเป็นลบแต่ดาวไซด์จำกัด โดยเงินบาทจะอ่อนค่าแตะระดับ 38.5 บาท/ดอลลาร์ ต่างชาติขายสุทธิ 7,000-11,000 ล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์หลังประกาศเงินเฟ้อ ด้านดัชนีฯ ประเมินกรอบมีโอกาสทดสอบ 1,530-1,540 จุด โดยกลุ่มที่ประคองตัวได้ดีกว่าตลาดได้แก่ ประกันชีวิต ธนาคารพาณิชย์ การแพทย์ BDMS , BH
.
"เรามองซินาริโอแค่ 2 ทาง คือสูงกว่าคาด และต่ำกว่ารวมถึงเทียบเท่าคาดการณ์ ซึ่งหากออกมาในแง่ตามคาดคงมีแรงซื้อรับข่าวเข้ามา มองแนวต้าน 1,570-1,580 จุด แต่ถ้าต่ำคาดคงเห็น SET ไปได้ถึง 1,590 จุด " นายณัฐพลกล่าว



***********************************