ห้องเม่าปีกเหล็ก

พวก " สิ้นหวัง " กับ พวก " มีหวัง "

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
73 views

                                            พวก “ สิ้นหวัง “ 

 พวก “ สิ้นหวัง “ เป็นนิ๊กเนมของหุ้นใหญ่ 5 ตัวด้วยกัน คือ PTT, PTTEP, PTTGC, AOT และ SCC ทั้งนี้เพราะเป็นเป้าหมายการขายของต่างชาติ ส่วนสาเหตุที่ต่างชาติขายก็เพราะ ดอกเบี้ย Fed Fund Rate ( 2.00%) สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทย ( 1.50%) อยู่ 0.50% และ นับวันความแตกต่างนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด  เพราะ ตลาดคาดการณ์ว่า FOMC จะปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ขึ้นไปอีก 2 ครั้งในปีนี้คือปี พ.ศ 2561ไปอยู่ที่ 2.50% จึงทำให้ต่างชาติขายหุ้นไทยตัวใหญ่ 5 ตัว ที่ได้กําไรแล้วดังกล่าวข้างต้น เพื่อขนเงินกลับไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า

สำหรับการขายของต่างชาติในวันนี้ วันที่ 18 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561 เป็นจำนวน -2,806.84 ล้าน บาท โดยต่างชาติขายสะสมทั้งปีเป็นจำนวน -165,620.10 ล้าน บาท และ ผลการขายของต่างชาติดังกล่าวข้างต้น ทำให้หุ้นใหญ่ 5 ตัว รวมทั้ง SET INDEX ปรับตัวลดลงดังนี้คือ : 

1) PTT  ปิดที่ 49 บาท จากจุดสูงสุดที่ 59.50 บาทหรือ ลดลง  ( 49 – 59.50 ) / 59.50 x 100 = -17.65%

2) PTTEP  ปิดที่ 130 บาท จากจุดสูงสุดที่ 151.50 บาทหรือ ลดลง ( 130 – 151.50 ) / 151.50 x 100 = -14.19%

3) PTTGC  ปิดที่ 80.25 บาท จากจุดสูงสุดที่ 105 บาท หรือ ลดลง  (  80.25 – 105 ) / 105 x 100 = -23.57%

4) AOT  ปิดที่ 66.75 บาท จากจุดสูงสุดที่ 74 บาทหรือ ลดลง ( 66.75 – 74 ) / 74 x 100 = -9.80%

5) SCC  ปิดที่ 422 บาท จากจุดสูงสุดที่ 528 บาท หรือ ลดลง ( 422 – 528 ) / 528 x 100 = -20.08%

6) SET INDEX  ปิดที่ 1,679 จุด จากจุดสูงสุดที่ 1,848 จุดหรือ ลดลง ( 1,679 – 1,848 ) / 1,848 x 100 = -9.15%

  ส่วนการที่พวก " หมดอนาคต " จะกลายเป็นพวก " มีอนาคต "  ได้ก็ต่อเมื่อ ธนาคารกลางไทย หรือ กนง. มีนโยบายที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ชัดเจน และ ใกล้เคียงกับ Fed Fund Rate ของสหรัฐอเมริกาในอนาคต ทั้งนี้เพื่อหยุดการไหลออกของเงินทุน และ หยุดการขายของต่างชาติ ซึ่งอย่างเร็วที่สุดก็น่าจะเป็นครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 เพราะคาดว่าธนาคารกลางไทย หรือ กนง. น่าจะปรับดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 4 ปีในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562

 สําหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในรอบหลายปีของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก หลังจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี พ.ศ 2551เป็นดังนี้คือ :

 1) ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ครั้งแรกในรอบ 9 ปี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี พ.ศ 2558

2) ธนาคารกลางอังกฤษ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 10 ปี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2560

3) ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 6 ปี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2560

4) ธนาคารกลางมาเลเซีย ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่ง เมื่อวันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ 2561

5) ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 4 ปี เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561

6) ธนาคารกลางอินเดีย ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 4 ปี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561 

7) ธนาคารกลางยูโรป จะยุติการทํา QE ในปีนี้คือ ปี พ.ศ 2561 และ คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบหลายปีในช่วงกลาง ถึง ปลายปีหน้าคือปี พ.ศ  2562

8) ธนาคารกลางญี่ปุ่น น่าจะยุติการทําQE ใน ช่วงปลายปี พ.ศ 2562 จากปริมาณการทํา QE ในปัจจุบันที่  80 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี และ คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบหลายปีได้ในปีต่อไปคือปี พ.ศ 2563 

9) ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในรอบหลายปีในช่วง ครึ่งหลังของปีนี้คือปี พ.ศ 2561

10) ธนาคารกลางไทย หรือ กนง. น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในช่วง ครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562

 

                                             พวก “ มีหวัง “

 พวก“ มีหวัง “ ซึ่งเป็นนิ๊กเนมของวอแรนต์ของ ITD คือ “  ITD-W1 “  และ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรกคือ ITD, CK, STEC และ UNIQ  รวมเป็นทั้งหมด 5 ตัว ส่วนสาเหตุของการ " มีหวัง " เพราะ :

1) เป็นหุ้นที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายการขายของต่างชาติ เพราะ เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก และ ที่สำคัญที่สุดหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเพิ่งทำจุดต่าสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ถึง 4  ปีครึ่งในช่วงเดือน มีนาคม –พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 ที่ผ่านมานี้เอง

2) เหตุผลระยะสั้น : รัฐบาลน่าจะเร่งประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเรียกคะแนนนิยมกับประชาชนชาวไทย ตลอดจนรัฐบาลและประชาชนชาวต่างชาติ และ ในส่วนของ " ITD-W1 " นั้น เพราะเป็น Warrant และ เป็นเพราะ อาจจะมีความก้าวหน้าของโครงการทวาย และ โครงการโปแตส จ.อุดรฯ ที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยบวกเสริมพิเศษมากกว่าการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของ ITD

3) เหตุผลระยะยาว : รัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 น่าจะดําเนินนโยบายโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทอย่างต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะ เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย และ เมื่อถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 แล้ว ขาขึ้นรอบใหญ่ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็น่าจะสิ้นสุดลง เพราะ 80% ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท น่าจะมีการประมูลและรู้ผลแล้ว

ส่วนการปรับตัวขึ้นของพวก“ มีหวัง “ จนถึงจุดปิดเมื่อวันนี้ วันที่ 18 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561 เป็นดังนี้คือ:

1) ITD-W1 ปิดที่ 0.16 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 0.07 บาท เมื่อ วันที่ 10 พฤษภาคม  ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.16 / 0.07  = +2.29 เท่า 

2) ITD ปิดที่ 3.18 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 2.96 บาท เมื่อ วันที่ 4 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 3.18 - 2.96 ) / 2.96 x 100 = +7.43%

3) CK ปิดที่ 26.25 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 23.30 บาท เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 26.25 - 23.30 ) / 23.30 x 100 = +12.67%

4) STEC ปิดที่ 22.00 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 17.10 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 22.00 - 17.10 ) / 17.10 x 100 = +28.65%

5) UNIQ  ปิดที่ 13.80 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 12.50 บาท เมื่อ วันที่ 10 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 13.80 - 12.50 ) / 12.50 x 100 = +10.40%

6) CONS ปิดที่ 100.47 จุด ( จากจุดตํ่าสุดที่ 92.32 จุด เมื่อวันที่ 27 เมษายนปี พ.ศ 2561) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 100.17 - 92.32 ) / 92.32 x 100 = +8.50%

7) SET INDEX ปิดที่ 1,679 จุด( จากจุดที่ผู้โพสต์คาดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะตลาดกระทิงที่ 1,561จุด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,679 - 1,561 ) / 1,561 x 100 = +7.56%

หมายเหตุ  : 1 ) ที่มาจาก ( www.settrade.com ) และ ( www.set.or.th )

                  2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com 

                 3) ผู้โพสต์ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ผู้โพสต์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่จะชักชวน ชี้นํา หรือ ชี้เป้าให้ท่านนักลงทุนที่เข้ามาดู เข้ามาอ่าน หรือ เข้ามา View มาลงทุนหรือไม่ลงทุนตามแนวทางที่ผู้โพสต์ได้นําเสนอไป และ จะนําเสนอต่อไปในอนาคต และ จะไม่รับประกันผลตอบแทน ตลอดจนจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นในกรณีที่มีการนําข้อมูล หรือ ความเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์ไปใช้แล้วเกิดความเสียหายขึ้น ผู้โพสต์หวังแต่เพียงว่าข้อมูล และ ความคิดเห็นส่วนตัวดังกล่าวข้างต้นของผู้โพสต์ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านนักลงทุนที่เข้ามาดู และ เข้ามา View บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งในปัจจุบัน และ อนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเข้าลงทุน หรือ ไม่ลงทุน


ศักดิ์