ห้องเม่าปีกเหล็ก

CPALL กำไร Q2/65 ทะลุ 3 พันลบ.

โดย dave
เผยแพร่ :
277 views

CPALL กำไร Q2/65 ทะลุ 3 พันลบ.โต 37% ร้านสะดวกซื้อฟื้น - MAKRO หนุน

 

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 3,004.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,189.69 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของผลประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจแม็คโครที่มีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน โดยกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมอยู่ที่ 0.31 บาท

.

ในไตรมาส 2/65 บริษัทฯมีรายได้รวม 213,655ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 55.2% มาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ธุรกิจแม็คโครนั้นยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการไว้ได้ประกอบกับมีการรับรู้รายได้ของธุรกิจโลตัสส์

.

นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตของรายได้นั้นได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น

.

บริษัทฯมีกำาไรขั้นต้นจากการขายและบริการเท่ากับ 43,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงการบันทึกกำไรขั้นต้นจากธุรกิจโลตัสส์ อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวม คิดเป็น 21.0% ลดลงจาก 21.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค

.

บริษัทฯมีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 40,804 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายกลุ่มต้นทุนในการจัดจำหน่ายมีจำนวน 33,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.2% ในขณะที่กลุ่มค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวน 7,164 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 74.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการจัด

จำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารนั้นสืบเนื่องมาจากการรวมธุรกิจโลตัสส์เข้ามาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยประเภทค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลักๆประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนพนักงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ าหน่าย ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ

.

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องให้เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของแต่ละกลุ่มธุรกิจ

.

ส่วนงวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 6,457.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,788.75 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมจ านวน 413,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวม มีจำนวน0.67 บาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และการรวมธุรกิจโลตัสส์

.

ไตรมาส 2/65 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 180 สาขา ส่งผลให้ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทฯมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 13,433 สาขา แบ่งเป็น

(1) ร้านสาขาบริษัท 6,530 สาขา (คิดเป็น 49%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 136 สาขา ในไตรมาสนี้ (2) ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 6,903 สาขา (คิดเป็น 51%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 44 สาขา ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งคิดเป็น 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

.

การประมาณการรายได้จากการขายและบริการ คาดว่าในปี 65 บริษัทฯจะสามารถสร้างการเติบโตได้จากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีฟื้นตัวหลังจากเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 แต่บริษัทฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบ อาทิเช่น การปรับขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกระทบต่อต้นทุนสินค้า ค่าขนส่ง ค่าครองชีพ รวมถึงก าลังซื้อของผู้บริโภคด้วย

.

บริษัทฯวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อสาขาใหม่อีกประมาณ 700 สาขาในปี 65 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 11,500 – 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,400 - 2,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อย และศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท และสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท

***********************************

 


dave