ห้องเม่าปีกเหล็ก

Aotto ขอบ่น

โดย OttO
เผยแพร่ :
63 views

ก้าวที่กล้า

ครั้งที่เราเป็นเด็ก เรามักรู้สึกกลัวการถูกทิ้งให้อยู่แต่ลำพัง การออกไปพบเจอผู้คนที่ไม่คุ้นเคยอาจทำให้เด็กรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ความไม่คุ้นเคยทำให้เด็กมักรู้สึกกังวล ตกใจ และร้องเรียกหาผู้ที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากที่สุด นั่นคือพ่อแม่

พ่อแม่เปรียบเหมือนพื้นที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อครั้งที่เราเป็นเด็ก ต่อให้ไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อหันไปด้านข้างหรือด้านหลังแล้วยังเห็นพ่อแม่อยู่ตรงนั้น เด็กก็ยังอุ่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีเหตุให้ต้องหวาดกลัวแต่อย่างใด

ทว่า... เด็กทุกคนเมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ตามลำพัง

 

เราไม่อาจหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมใหม่ ๆ และไม่อาจหลีกเลี่ยงสภาวะที่เราต้องพึ่งพาตนเอง

สิ่งสำคัญอยู่ที่การเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้เราเอาตัวรอดในสังคมให้ได้โดยเร็วที่สุด

แต่เพื่อให้การเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดของเราเกิดขึ้นโดยเร็ว คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องกล้าที่จะปล่อยลูกของตนให้ออกไปเผชิญกับความจริงตามลำพัง

เช่นเดียวกัน คนเป็นลูกก็ต้องกล้าที่จะก้าวออกจากบ้านหรือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดของตนเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่

ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกคือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเหมือนบ่วงที่คล้องเราไว้อย่างเหนียวแน่น ตราบใดที่ไม่คลายบ่วงให้ผู้เป็นลูกได้หลุดออกไปสู่โลกภายนอก ตราบนั้นผู้เป็นลูกอาจแทบไม่มีโอกาสได้เติบโต เพราะพ่อแม่นั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจตัดใจมองลูกของตนเองเป็นผู้ใหญ่ที่ทัดเทียมกับตนได้ โดยเฉพาะในสังคมเอเชียส่วนใหญ่รวมถึงไทย เหตุดังนั้นเมื่อพ่อแม่ลูกยังอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ก็ยังทำตัวเป็นผู้ปกครองคอยชี้นำลูกของตนอยู่เสมอแม้ผมของลูกจะเริ่มเปลี่ยนสีแล้วก็ตาม

ความรักของพ่อแม่นั้นไม่อาจเปรียบเทียบหรือชั่งตวงวัดกับสิ่งใดได้ก็จริง แต่ความรักที่ขาดดุลพินิจก็อาจกลายเป็นความรักที่ล้นเกิน จนส่งผลเสียต่อการเติบโตภายในจิตใจของลูกได้

เช่นเดียวกันลูกที่รู้สึกว่าการอยู่กับพ่อแม่เป็นความสุขสบายที่สุดแล้วก็อาจไม่เติบโตทางจิตใจมากพอจะสร้างชีวิตในแนวทางของตนเอง ลูกหลายคนแม้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ยังต้องกริ่งเกรงต่อความรู้สึกนึกคิดของพ่อแม่ และคอยถามไถ่เหตุผลจากพ่อแม่จนเสมือนว่าปัญหาของตนคือปัญหาของพ่อแม่ แล้วแบบนี้จะให้พ่อแม่มองว่าลูกของตนเติบโตจนสมควรหมดห่วงได้อย่างไร

ในการก้าวเดินชีวิตของคนรุ่นต่อไปจึงต้องอาศัยความ "กล้าหาญ" ของทั้งพ่อแม่และลูก

พ่อแม่ต้องกล้าหาญพอที่จะยอมปล่อยลูกของตนให้ออกไปเผชิญชีวิตตามลำพัง

ลูกต้องกล้าหาญพอจะเดินออกจากร่มเงาที่คอยปกป้องตนของพ่อแม่

นี่ไม่ได้หมายความว่าให้ปล่อยประละเลย หรือละทิ้งซึ่งกันและกัน ตรงกันข้ามนี่คือการแผ้วทางให้แก่การสร้างสรรค์ใหม่ของชีวิต คนรุ่นใหม่สมควรได้สร้างทางเดินของตนเองเพื่อการแตกหน่อใหม่ทั้งความคิด จิตใจ และอารมณ์ ขณะที่คนรุ่นเก่าก็จะได้หมดห่วงสามารถมองดูอย่างภาคภูมิใจต่อการเติบโตของเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างมีระยะห่างอันสมควร

แน่นอนว่าการจะเกิดความกล้าหาญดังนี้ได้ต้องอาศัยเงื่อนไขว่าพ่อแม่ได้ดูแลลูกในวัยเด็กอย่างสมควรทั้งการศึกษา จิตใจ และความเข้าใจต่อสังคมเป็นอย่างดี ขณะที่ลูกก็เชื่อฟังปฏิบัติตามอย่างสมควรมาโดยตลอด

เมื่อถึงเวลาอันสมควร ชีวิตของคนรุ่นใหม่ก็ควรจะได้ออกเดินทางไปตามลำพัง มีเพียงเส้นใยแห่งความผูกผันที่จะทำให้พ่อแม่ลูกเชื่อมโยงกันตลอดไป ไม่ใช่บ่วงหรือโซ่ที่คล้องคอไว้ไม่ให้ไปไหน

ด้วยเหตุดังนี้ ความกล้าหายที่จะปล่อยและเดินออกมา คือหัวใจสำคัญต่อการเดินหน้าของชีวิตมนุษย์

 

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าทุกครอบครัวจะมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่ละครอบครัวก็ล้วนมีสุขปนทุกข์ไปตามครรลองของโลกนี้ และเหตุนั้นภาวะที่ความกล้าหาญของทั้งสองฝ่ายจะมาบรรจบกันย่อมเกิดขึ้นได้น้อย

มื่อเป็นเช่นนี้ ความเศร้าเสียใจ แลความเจ็บปวดย่อมเกิดแก่ทั้งสองฝ่ายเป็นธรรมดาด้วยว่าจะให้เดินจากพ่อแม่มาก็เจ็บ จะปล่อยลูกไปก็ปวด แต่ยิ่งพยายามรัดให้ทุกคนอยู่ร่วมกันก็อาจมีแต่ทุกข์

หากเรายังคงฝันถึงความเพียบพร้อมสมบูรณ์ที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้า เราอาจต้องอยู่กับความทุกข์ที่จะปล่อยไปก็มิได้ จะเดินออกมาก็ไม่ไหว

ถึงที่สุดแล้วมีแต่ความกล้าหาญของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะสามารถผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

ในเมื่อความรักมาพร้อมกับความทุกข์เสมอแล้ว การยอมเจ็บปวดที่จะปล่อยเขาไป หรือจะเดินจากพวกเขามาก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน

อยู่ที่ว่าเราจะยอมให้ชีวิตเป็นทุกข์สุขอย่างคาราคาซังเรื่อยไป หรือจะยอมตัดเจ็บในวันนี้เพื่อแสงที่ส่องสว่างกว่าในวันหน้า


หากปราศจากความกล้าหาญที่จะเผชิญทุกข์เสียแล้ว เราคงไม่อาจก้าวพ้นความทุกข์นั้นไปได้

 

 

Aotto


OttO