
คนส่วนใหญ่รู้ว่าคุณวอเรน บัฟเฟตต์ มักจะระมัดระวังในการลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากหลักการข้อหนึ่งของเขาคือจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้าใจได้ยาก
คนส่วนใหญ่รู้ว่าคุณวอเรน บัฟเฟตต์ กูรูการลงทุนมักจะระมัดระวังในการลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจาก หลักการข้อหนึ่งของมหาเศรษฐีสหรัฐคนนี้คือเขาจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้าใจได้ยาก
ถึงแม้บริษัท Berkshire Hathaway ของเขาจะเลือกลงทุนในหุ้น IBM เมื่อ 6 ปีก่อน และซื้อหุ้น Apple เมื่อปีที่แล้ว แต่บริษัททั้ง 2 เป็นธุรกิจที่คนรู้จักกันดีว่าเป็นหุ้นบลูชิพชั้นนำที่ตลาดยอมรับ
ในอีกด้านหนึ่ง หุ้นกลุ่มสินค้าที่สวมใส่ได้ถือเป็นหุ้นที่มีลักษณะของการเก็งกำไรมากกว่า โดยมีแนวโน้มราคาที่ไม่ค่อยแน่นอนสม่ำเสมอ
แต่อย่างไรก็ตาม คุณบัฟเฟตต์ก็ตัดสินใจเสี่ยงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้
Berkshire Hathaway ได้ลงทุนใน Richline Group บริษัทธุรกิจจิลเวอรี่ ซึ่ง ZDNet รายงานก่อนหน้านี้ว่าเตรียมจะเปิด ตัวสินค้า ELA (Elegant Lifestyle Accessories) ในฤดูใบไม้ผลินี้
สินค้าหรูหรา ELA ใช้เทคโนโลยี่ที่ให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกตั้งค่าของสีสันและอาการสั่นเตือนได้ เมื่อมีสายโทรศัพท์เรียกเข้า หรือมีข้อความของผู้ติดต่อที่ตั้งไว้เป็นรายเฉพาะตัวเข้ามา
IDC ได้รายงานว่าธุรกิจสินค้ากลุ่มสวมใส่ได้ ได้ขยายตัวเพียง 3.1% ในไตรมาส 3 ของปี 2016 และบริษัทใหญ่ในกลุ่มนี้ชื่อ Fitbit ต้องลดพนักงานลงถึง 6% หรือ 110 คน หลังจากที่ได้เข้าครอบงำบริษัทคู่แข่ง Pebble ที่เชี่ยวชาญทางด้านซอฟแวร์และทรัพย์สินทางปัญญา
ดังนั้น คำถามจึงมีว่าทำไมคุณบัฟเฟตต์ จีงสนใจหุ้นกลุ่มนี้
คำตอบคือนักลงทุนชื่อก้องโลกคนนี้มอง ELA ว่าเป็นสินค้าที่ช่วยต่อยอดธุรกิจจิลเวอรี่ในปัจจุบัน แทนที่จะเป็นสินค้าเทคโนโลยี่อย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน
คุณบัฟเฟตต์กล่าวกับ CNBC ทางอีเมลว่า ธุรกิจจิลเวอรี่ที่มีมานานหลายร้อยปี จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักและค่อนข้างปลอดภัยที่จะลงทุน เพราะฉะนั้น การใช้เทคโนโลยี่เข้ามาช่วยเสริม ก็เท่ากับเพียงทำให้สินค้ากลุ่มนี้ที่คนส่วนใหญ่ชอบซื้ออยู่แล้ว ให้ทันสมัยขึ้นในโลกปัจจุบัน
คุณคลิฟฟ์ อูลริค ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมสินค้าของ Richline Group กล่าวว่าธุรกิจจิลเวอรี่ไม่เหมือนสินค้าสวมใส่ทั่วไปที่วางขายอยู่ในตลาด
เขากล่าวว่าจิลเวอรี่เป็นสินค้าที่มีการเปลี่ยนตัวเจ้าของน้อยกว่า แต่มีส่วนต่างของราคากำไรที่สูงกว่า ซึ่งบริษัทเทคโนโลยี่ต้องเข้าใจประเด็นนี้ ว่าสินค้าของตนจะสามารถวางอยู่ในตู้โชว์คอยให้ลูกค้าเข้ามาชมได้หรือไม่
ที่มา moneychannel