ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตลาดหุ้นวันจันทร์ รับมืออย่างไร ?

โดย ร้อยลี้
เผยแพร่ :
112 views

ตลาดหุ้นวันจันทร์ รับมืออย่างไร ? กับ BLACK SWAN แผ่นดินไหวหนักสุดในรอบ 100 ปี /โดย ลงทุนแมน

-ประเทศไทย เคยได้รับผลกระทบกับแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกายมาแล้ว ขนาด 7.3 ริกเตอร์ ในปี 2473 หรือ 95 ปีที่แล้ว เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวาน ขนาด 7.7 ริกเตอร์ เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเรียกได้ว่า BLACK SWAN

 

ถ้าย้อนกลับไปเหตุการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรง

ปี 2547 สึนามิที่ภาคใต้ของประเทศไทย

ปี 2554 น้ำท่วมครั้งใหญ่

ปี 2568 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในครั้งนี้

คำถามของคนที่อยู่ในวงการตลาดทุนที่สงสัยในตอนนี้ก็คงจะเป็น อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับเศรษฐกิจ ?

แล้วเราควรต้องรับมืออย่างไร ? กับตลาดหุ้นในวันจันทร์นี้

ซึ่งมันอาจเกิดความ PANIC ทั้งเศรษฐกิจจริง และตลาดหุ้น มากน้อยแตกต่างกันไป

แต่ท้ายที่สุด ทุกเหตุการณ์จะจบลงด้วยการแก้ไข การปรับตัว และทิ้งบทเรียน ทิ้งกรณีศึกษาบางอย่างเอาไว้..

แล้วเรื่องนี้เราน่าจะควรรู้อะไรบ้าง ?

ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ข้อแรก เหตุการณ์ BLACK SWAN แต่ละครั้ง ไม่เหมือนกัน ต้องแยกเรื่อง

บางอย่างเอามาใช้ได้ แต่บางอย่างเป็นคนละเรื่อง

ปี 2547 สึนามิที่เกิดขึ้นภาคใต้ของไทย มีการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

แต่สำหรับในเชิงเศรษฐกิจแล้วจะได้รับผลกระทบที่จำกัดเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวในภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงนั้น เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันเดียวจบ

แต่ในตอนนั้นตลาดหุ้นก็ตกใจ ปรับตัวลดลง 2.2% ถ้าเทียบกับ SET INDEX ที่ปัจจุบัน ก็ลบประมาณ 26 จุด อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นมาในระดับเดิมภายในไม่กี่วัน

ปี 2554 อุทกภัยครั้งใหญ่ของไทย ถ้านับในเชิงมูลค่าเศรษฐกิจแล้วถือว่าเสียหายหนัก ภาคอุตสาหกรรมไทยที่มีโรงงานหนาแน่นอยู่บริเวณภาคกลางได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

เหตุการณ์กินเวลาหลายเดือนในช่วง ไตรมาสที่ 4 ปี 2554

กันยายน ปี 2554 SET INDEX 1,050 จุด

กลางตุลาคม ปี 2554 SET INDEX 860 จุด

ปรับตัวลดลง 18% ใน 1 เดือน

แต่หลังจากเหตุการณ์คลี่คลาย ตลาดหุ้นก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนกลับไปที่เดิมในเวลาเพียง 3 เดือน

จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเหตุการณ์จบภายในวันเดียว หรือใช้เวลาหลายวันกว่าจะคลี่คลาย จะกระทบกับตลาดหุ้นเพียงช่วงสั้น และหลังจากนั้นตลาดก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเท่าไรนัก

ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในครั้งนี้ จะคล้ายกับเหตุการณ์สึนามิคือเหตุการณ์จบครั้งเดียว ซึ่งตลาดอาจจะไม่ได้ติดลบมากนัก เพราะตลาดน่าจะคิดว่าเหตุการณ์จบไปแล้ว คงเหลือไว้เรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู

เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน

เมื่อย้อนกลับไปตอน น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 หลายคนบอกว่าบ้านแนวราบจะขายยากขึ้นโดยเฉพาะทำเลที่น้ำท่วม

ในช่วงแรกอาจเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไม่ได้ทำให้ตลาดบ้านแนวราบหายไปอย่างที่หลายคนคิด

และในคราวนี้ก็จะเป็นแบบนั้น

ในช่วงแรกแน่นอนว่า ทุกคนจ้องมองไปที่กลุ่มคอนโดแนวสูงว่าจะได้รับผลกระทบหนัก

แต่ถ้าเรามองโดยใช้สติ เรื่องนี้ก็อาจเป็นแค่ชั่วคราว

ในที่สุดคนซื้อคอนโดมีเนียม เพราะต้องการอาศัยในทำเลที่ดี

ที่ดินทำเลดีไม่สามารถทำบ้านแนวราบได้เพราะราคาที่ดินสูงเกินไป ดังนั้นถ้าคนต้องการทำเล ความต้องการในคอนโดแนวสูงก็จะไม่หายไปไหน ในระยะสั้นอาจมีความรู้สึกกลัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างจะเข้าสู่สมดุลเอง

แล้วกลุ่มธุรกิจไหนบ้าง ที่น่าจับตาในตลาดหุ้นวันจันทร์ ?

1. แน่นนอนว่ากลุ่มธุรกิจแรกทุกคนจับจ้องไปที่ “บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ คลื่นความถี่ของการไหวได้สร้างผลกระทบกับอาคารสูงมากกว่าอาคารเตี้ย

สิ่งที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ทั้งความต้องการทั้งเช่า ซื้อ คอนโดสูงอาจลดลง เพราะความกังวลเรื่องโครงสร้างและความปลอดภัยของอาคารสูง

ซึ่งก็แปลว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นคอนโดแนวสูง จะได้รับผลกระทบ..

แต่สำหรับภาพในระยะยาว ถึงแม้ว่าช่วงสั้นจะขายได้น้อยลง แต่ในระยะยาวความต้องการคอนโดแนวสูงที่อยู่ในทำเลที่ดีก็จะยังมีอยู่ เพียงแต่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้อาจจะต้องเพิ่มความเชื่อมั่นเรื่องโครงสร้างอาคารและความปลอดภัย

เมื่อก่อนการซื้อคอนโด ผู้ซื้ออาจสนใจว่าส่วนกลางมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวยแค่ไหน ? แต่ต่อไปผู้ซื้อจะถามว่า “ผู้รับเหมา” ของโครงการนี้คือใคร ?

ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นบ้านแนวราบ ก็อาจได้ประโยชน์มากขึ้นจากดีมานด์ในระยะสั้นที่คนจะมองหาบ้านแนวราบมากขึ้น

ดังนั้นไม่แน่เสมอไปที่หุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกรายจะติดลบหนักวันจันทร์

เพราะบางรายที่เน้นแนวราบ อาจได้ประโยชน์ก็เป็นได้..

2. วัสดุก่อสร้าง และค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง

หลายคนคงคาดการณ์กันอยู่แล้วว่าหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้างน่าจะปรับตัวขึ้น

แต่เอาเข้าจริงแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้กระทบกับผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารเตี้ยซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศเท่าไรนัก

ถ้าตลาดคาดว่ากลุ่มนี้จะดีมาก ๆ ก็ต้องคอยระวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจจะดีจริง แต่ไม่ได้ดีมากอย่างที่ตลาดคิด

ดีมานด์ของกลุ่มนี้จะจำกัดเฉพาะกลุ่มอาคารสูงที่ต้องการการซ่อมแซม ซึ่งการซ่อมแซมของกลุ่มอาคารสูงเหล่านี้จะใช้ผู้รับเหมา ซึ่งอาจจะไม่ได้ไปซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านค้าปลีก แต่เป็นการซื้อจากร้านค้าส่ง

อย่างไรก็ตามวัสดุก่อสร้างประเภท ปูน แผ่นยิปซัม สีทาอาคาร รวมถึงช่างผู้รับเหมา เพื่อซ่อมแซม ก็อาจจะมีความต้องการเข้ามาพร้อมกันในช่วงสั้น ๆ

รวมไปถึงผู้ตรวจสอบอาคาร การซ่อมบำรุงลิฟต์ ก็จะมีความต้องการพร้อมกันระยะสั้นเช่นกัน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ

ความต้องการส่วนนี้ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

ซึ่งก็น่าจะเป็นลักษณะเดียวกันกับ ความต้องการถุงมือยาง ช่วงล็อกดาวน์..

3. ธุรกิจประกันภัย

ส่วนใหญ่อาคารสูง จะมีการทำประกันภัยไว้อยู่แล้ว ดังนั้นในระยะสั้นจะมีการเคลมประกันภัยในกลุ่มอาคารสูงพร้อมกันเป็นจำนวนมาก

เรียกได้ว่าในปีนี้บริษัทประกันภัยน่าจะขาดทุนหนักจากการรับประกันภัยในกลุ่มนี้

แต่โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทประกันภัย จะบริหารความเสี่ยงด้วยการส่งต่อ ไปให้ประกันภัยรับต่อต่างประเทศ (Reinsurer) ดังนั้นอาจไม่ต้องกังวลเท่าไรนักว่าบริษัทประกันภัยจะล้มละลายเพราะเหตุการณ์นี้

หากเป็นบริษัทประกันภัยใหญ่ ที่มีเงินทุนสำรองเพียงพอ ก็น่าจะยังจ่ายได้ แต่ขาดทุนไม่น้อย และก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ให้ประกันภัยรับต่อต่างประเทศช่วยจ่ายให้

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทประกันภัยรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้เอง ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เดียวกับกรณีรับประกันภัยโรคระบาดได้ ที่ล้มได้เพราะเหตุการณ์เดียว

ซึ่งส่วนใหญ่การรับประกันภัยจะเป็นปีต่อปี หรือรายสามปี เตรียมใจไว้เลยว่าบริษัทประกันภัยเหล่านี้จะขึ้นค่าเบี้ยในครั้งต่อไป เพื่อชดเชยกับเหตุการณ์นี้

4. ภาคการท่องเที่ยว

หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นักท่องเที่ยวเห็นภาพข่าวแผ่นดินไหว ตึกถล่ม จะเลื่อนการมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงสั้นออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ ดังนั้นเราก็อาจได้เห็นตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่จำนวนลดลงบ้างชั่วคราว แต่ในที่สุด ก็เหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลาย ๆ ครั้ง ไม่มีเหตุการณ์อะไรจะหยุดยั้งเสน่ห์ของประเทศไทยได้ ในระยะยาวนักท่องเที่ยวก็จะยังคงกลับมาเที่ยวเมืองไทยเหมือนเดิม

5. ธุรกิจอื่น ๆ

ธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เช่น พลังงาน ธนาคาร สื่อสาร โรงพยาบาล ค้าปลีก หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ในทางทฤษฎีก็ไม่ควรจะมีราคาหุ้นที่ตกลงจากเหตุการณ์นี้ แต่ในความเป็นจริงก็ยากจะคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตลาดก็อาจมีความ PANIC และพากันขายหุ้นโดยรวมทั้งตลาด

สรุปแล้ว วันจันทร์นี้จะเป็นวันที่น่าติดตามว่าตลาดทุนจะตอบรับเหตุการณ์นี้อย่างไร

อย่างที่ได้อธิบายไปทั้งหมด

เหตุการณ์นี้จบเพียงครั้งเดียว

มีกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจำกัดมากที่เป็นเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้พัฒนาคอนโดแนวสูง ประกันภัยบางราย ภาคการท่องเที่ยวบางส่วน

ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่ได้อานิสงส์เชิงบวก เช่น วัสดุก่อสร้าง หรือ ผู้พัฒนาบ้านแนวราบ

แต่สิ่งสำคัญคือ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นชั่วคราว และทุกอย่างจะค่อย ๆ ปรับมาสู่จุดสมดุล

ผู้คนจะค่อย ๆ ซ่อมแซมอาคารสูงของตัวเองจนเสร็จสิ้น

ผู้คนจะค่อย ๆ เอาเหตุการณ์นี้มาเป็นบทเรียนในการสร้างอาคารสูงที่มีมาตรฐานสูงขึ้น

ผู้คนจะยังอยู่อาคารสูงอยู่ในอนาคต เพราะมันยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตอยู่ดี

ถ้านักลงทุนมีสติ คิดให้ดี ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น

บางทีตลาดหุ้นไทยอาจจะพัฒนาขึ้น ไม่ซ้ำรอยอดีต

แล้วกลายเป็นว่า วันจันทร์นี้ ตลาดหุ้นไทยอาจไม่ตกหนักอย่างที่หลายคนคิด ก็เป็นได้

เมื่อตลาดเข้าใจในความเป็น BLACK SWAN เมื่อนั้น มันก็อาจไม่เป็น BLACK SWAN..

 

 

ที่มา Facebook ลงทุนแมน


ร้อยลี้