ส่องงบ Q1/68 หุ้นกลุ่มซีพี
CPALL-CPF-CPAXT ฟอร์มดีต่อเนื่อง
TRUE ขาดทุนลด ลุ้นพลิกบวกครึ่งปีหลัง
.
หากพูดถึงเครือธุรกิจขนาดใหญ่ เชื่อว่า “เครือเจริญโภคภัณฑ์” หรือ เครือซีพี น่าจะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะมีธุรกิจครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และโทรคมนาคม ดังนั้น Wealthy Thai จึงอยากชวนนักลงทุนมาสำรวจผลประกอบการไตรมาส 1/68 ของ 4 หุ้นในเครือซีพี ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร

.
สำหรับ CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 1/68 ที่ 6.5 พันล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาสก่อนหน้าตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดเติบโต 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยหนุน คือ 1) ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโตในทุกธุรกิจ และ 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ขยายตัว 40bps จากไตรมาส 1/67 จาก Product mix ยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
.
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/68 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติจะทรงตัวจากไตรมาส 1/68 แต่ยังเติบโตจากไตรมาส 2/67 ได้ต่อเนื่อง โดยแรงหนุนจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จำนวนสาขาใหม่ และ GPM ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในระยะถัดไป โดยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ลง 2-4% เป็นคาดที่ 2.7 หมื่นล้านบาท โต 5% จากปีก่อน สาเหตุหลักจากการปรับลดสมมติฐาน SSSG ในทุกธุรกิจลง
.
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์เลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มค้าปลีก ผู้ประกอบการสินค้าจำเป็นจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย จึงคงแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมใหม่ที่ 65 บาท
.
ถัดมา CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/68 ที่ 6.75 พันล้านบาท โต 8.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 1,760.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำระดับสูงสุดในรอบ 16 ไตรมาส ซึ่งปัจจัยหนุนมาจากราคาขายเฉลี่ยหมูไทยและเวียดนามที่สูงขึ้นราว 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 และแนวโน้มราคาต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะกากถั่วเหลืองที่ปรับลดลง หนุน GPM ให้ปรับขึ้น
.
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/68 เบื้องต้นคาดกำไรปกติเติบโตต่อทั้งจากไตรมาส 1/68 และ 2/67 อย่างไรก็ตาม คงมุมมองบวกต่อภาพการเติบโตของ CPF ในปี 2568 คาดกำไรสุทธิที่ 2.21 หมื่นล้านบาท โต 13.49% จากปีก่อน โดยคาดได้รับผลกระทบจาก Trade War จำกัด เพราะธุรกิจของ CPF ในแต่ละประเทศ เน้นการทำธุรกิจภายในประเทศนั้นๆ
.
ทั้งนี้ มองราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมาจากประเด็นดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน และเป็นผู้ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงเพราะมีสัดส่วนหนี้สินสูง โดยราคาหุ้นปัจจุบันของ CPF ซื้อขายบน PER ปี 2568 เพียง 9 เท่า อยู่ในโซนต่ำและไม่สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งแรกปี 2568 ที่จะเด่น คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเหมาะสมที่ 30 บาท
.
ด้าน CPAXT หรือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดจะมีกําไรปกติไตรมาส 1/68 ที่ราว 2.7 พันล้านบาท ลดลง 33% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่โต 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดกําไรจะชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 ที่เป็น High season ของทั้งธุรกิจค้าส่ง (Makro) และธุรกิจค้าปลีก (Lotus’s) ส่วนกําไรที่จะโตจากไตรมาส 1/67 เพราะคาด SSSG จะโตได้เล็กน้อยราว 0.5–1.5% อัตรากําไรขั้นต้นโดยรวมที่น่าจะยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
.
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดจะยังชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากไม่ได้มีปัจจัยบวกอย่างในไตรมาส 1/68 ที่มี Easy E-receipt, การแจกเงิน 10,000 บาท (เฟส 2) และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งส่งเสริมการจับจ่าย อย่างไรก็ตามคาดกําไรจะยังโตจากไตรมาส 2/67 ได้ต่อ จากมาร์จิ้นที่มีแนวโน้มขยับสูงขึ้นได้อีก โดยเฉพาะจาก Makro ที่มีฐานมาร์จิ้นต่ำในปีก่อน
.
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 1.24 หมื่นล้านบาท โต 18% จากปีก่อน พร้อมคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 38.25 บาท และคำแนะนํา “Outperform”
.
และสุดท้าย TRUE หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดจะรายงานขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/68 ที่ 415 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 7.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/68 และ 769 ล้านบาท ในไตรมาส 1/67 โดยปัจจัยหนุนให้ขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการเติบโตของรายได้รวม การรับรู้มูลค่าของ synergy และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง
.
ทั้งนี้ คาดกําไรหลักในไตรมาส 1/68 น่าจะทําสถิติสูงสุดต่อเนื่องที่ 3.57 พันล้านบาท โต 6% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 364% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
.
ฝ่ายวิเคราะห์มองความเสี่ยงจากการประมูลคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้นและการประหยัดต้นทุนเกิดช้ากว่าคาด จึงปรับลดคําแนะนําลงเป็น “ถือ” และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 12.70 บาท จากเดิม 14 บาท แม้ TRUE อาจพลิกกลับเป็นกําไรในช่วงครึ่งหลังปี 2568 และมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาจ่ายเงินปันผล
.
แต่ประเด็นเหล่านี้ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว ทําให้ราคาล่าสุดเหลือ Upside จํากัดท่ามกลางการแข่งขันประมูลคลื่นความถี่ที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1.42 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีขาดทุน
ที่มา.. Facebook Wealthy Thai