ห้องเม่าปีกเหล็ก

แค่ “ถูก” ไม่พอ !...

โดย ใจอยู่ที่กระบี่
เผยแพร่ :
204 views

แค่ “ถูก” ไม่พอ !...จะลุย “หุ้นจีน” ต้องเลือกกลุ่มมี “ปัจจัยบวก” สนับสนุน !!!

 

.

Where2put Ur Money: จากการประท้วงของประชาชนจีนในหลายเมือง เพราะคุมเข้มการระบาดของโควิด นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมาตรการอย่างฉับพลัน รัฐบาลปักกิ่งได้ออกมาตรการที่ผ่อนคลายขึ้นให้กับรัฐบาลท้องถิ่นดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ การลดความเข้มงวดในการตรวจเชื้อก่อนเข้าสถานที่ต่างและอื่นๆ เป็นการเริ่มต้นไปสู่การคาดการณ์ว่าจีนจะ “เริ่มเปิดเมือง” ในช่วงไตรมาส2 ปี2566

.

“ขณะเดียวกัน ช่วงเดือน พ.ย.ถึง ธ.ค. นี้จีนมีการผลิตและบริโภคน้ำมันมากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา มีการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการอัดฉีดเงินเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารปล่อยกู้สินเชื่อมากขึ้นและออกแพคเกจต่างๆ ให้ผู้ซื้อได้กู้ง่ายขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจีนกำลังค่อยๆ ‘เปิดเมือง’ มากขึ้น”

.

ดังนั้นในช่วงนี้ตลาดให้ความสนใจและพูดถึงการลงทุนใน “หุ้นจีน” กันมาก เพราะเมื่อดูระดับราคา (Valuation) ตอนนี้ระดับ P/E อยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นอื่นๆ ถือว่าค่อนข้างถูกและน่าลงทุนเมื่อมองแนวโน้มในช่วง 1 ปีข้างหน้า ที่จีนจะเปิดเมืองและยกเลิกการกดดันบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ

.

แต่เข้าซื้อ “หุ้นจีน” เลยเพราะมองว่า ‘ถูก’ และมี ‘ปัจจัยบวก’ ดังกล่าว ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด!!!

.

ยังมี “ปัจจัยเสี่ยง” ต่อเศรษฐกิจและตลาดของจีนไม่น้อยเช่นกัน กล่าวคือ การเปิดประเทศภายใต้การระบาดของโควิดที่ยังอยู่ มีความเสี่ยงที่จะเกิด “การระบาดระลอกใหม่” ตามมา โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน เดือน ม.ค. 2566 ที่คนจีนจำนวนมหาศาลจะเดินทางกัน ขณะที่ ‘วัคซีน’ (ปัจจัยสำคัญที่สุด) ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในช่วงการพัฒนาและยังไม่นำมาฉีด

.

นอกจากนี้ ยังมี “ปัจจัยภายนอก” ที่สำคัญต้องติดตาม ได้แก่ ความขัดแย้งกับของจีนกับไต้หวันและสหรัฐฯ, การห้ามส่งออก ‘ชิป’ และ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ไปจีน รวมถึงการตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ แม้ผลจะออกมาดีแต่การกดดันจีนในเรื่องเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกจะกดดันตลาดจีนแน่นอน

.

ดังนั้น ถ้าจะลงทุนใน “หุ้นจีน” ต้องเลือกกลุ่มมีปัจจัยสนับสนุน “DAOL SEC” ประเมินว่า กลุ่มบริโภคในประเทศ กลุ่มท่องเที่ยวกับสายการบินในประเทศรวมถึง E-Commerce จะได้ผลเชิงบวกจากการเปิดเมืองที่ชัดเจนขึ้น อีกกลุ่มที่น่าสนใจแต่มีปัจจัยกดดัน คือ กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเติบโตดีในระยะยาวและได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล แต่ระยะสั้นยังเจอปัญหาด้าน Supply chain ทำให้ราคาหุ้นชะลอตัวลงในระยะสั้น

.

ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มส่งออกจำพวก Hardware, Semiconductors และ กลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นผลจากนโยบายการห้ามส่งออกของสหรัฐฯ และมีการขึ้น Black list บริษัทเทคโนโลยีจีนกว่า 30 บริษัท เช่น Yangtze memory ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เป็นการกีดกันจีนในการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูง

.

น่าจับตาประเทศจีนอย่างมากในปีหน้า กับความท้าทายในการต่อสู้กับโควิด เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้แค่ไหน ตราบใดที่ "นโยบาย Zero-Covid" ยังไม่ได้ถูกยกเลิก จีนจะเปิดเมืองและต้องรับมือกับการกลับมาระบาดอีกครั้งหรือไม่? แน่นอนว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นแต่ “หุ้นจีน” จะขึ้นแรงหรือไม่? หรือจะแกว่งผันผวน? “หุ้นจีน” ราคาถูก แต่ถูกท้าทายภายใต้การบริหารของรัฐบาลจีนชุดใหม่ที่รออยู่เช่นกัน

 

 


ใจอยู่ที่กระบี่