เปิดโผ 8 หุ้นใหญ่
เป้าหมายกองทุน ThaiESGX
.

มาตรการลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESGX ถือเป็นความหวังที่จะช่วยลดแรงขายและหนุนดัชนี SET Index ให้ฟื้นตัว เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะดึงเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดหุ้นไทยได้ราว 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ประเมินว่าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ จะดำเนินการและสามารถเปิดขายกองทุน ThaiESGX ได้ในเดือนพ.ค. 68 ดังนั้น ในโอกาสนี้ Wealthy Thai จึงมีรายชื่อหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX มาฝาก
.
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด แนะนำหุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX ซึ่งคัดเลือกจาก 1. ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้จากปีก่อน, 2. มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3. มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3%
.
โดยพบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
.
สำหรับปัจจัยพื้นฐานและคำแนะนำการลงทุนของ ADVANC บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ยังคงคำแนะนำซื้อหุ้น โดยมีราคาเป้าหมายที่ 311 บาท บริษัทอยู่ในวัฏจักรการเติบโตของกำไรใหม่และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่เหมาะสม รวมถึงคาดกำไรปี 2568 เติบโต 6.6% พร้อมกับ upside จากการประหยัดต้นทุน (จากการประมูลที่กาลังจะเกิดขึ้น) นอกจากนี้ยังคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล 4% สำหรับปี 2568
.
ส่วน BBL บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 45,987 ล้านบาท โต 1.7% จากปีก่อน หนุนจากการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง และการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย แต่บางส่วนจะถูกหักล้างจาก NIM ที่ต่ำลงตามการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่ง BBL เป็นธนาคารใหญ่ที่ Sensitive กับการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารอื่นเพราะมีลูกหนี้บริษัทใหญ่สูง ซึ่งมักทำสัญญาแบบดอกเบี้ยลอยตัว ทั้งนี้ BBL จัดเป็นหุ้นธนาคารใหญ่ที่ราคายังไม่แพง ซื้อขายด้วย PBV ปีนี้ต่ำเพียง 0.5 เท่า และมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 190 บาท ให้คำแนะนำ ซื้อ
.
BDMS บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธีปี 2568 โตต่อเนื่อง หนุนจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้คนไข้ชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลาง จากการทำการตลาดของบริษัท และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย สำหรับภาพรวมมองบวกต่อ BDMS ในระยะยาวจากแผนการเพิ่มจานวนเตียงและการขยายศูนย์ทางการแพทย์ในด้านต่างๆ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 29.75 บาท
.
CPALL บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ขึ้น 5% เป็นคาดที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โต 9% และ 2.9 หมื่นล้านบาท โต 6 จากปีก่อน ตามลำดับ สาเหตุหลักจากการปรับเพิ่มสมมติฐานจำนวนสาขาใหม่ต่อปี และปรับ GPM ของธุรกิจ CVS ขึ้น 10bps เป็น 29.1% คงคำแนะนำ ซื้อ ผลของการปรับประมาณการและ WACC ในการประเมินมูลค่าหุ้น ทำให้ปรับราคาเหมาะสมเป็น 75 บาท
.
PTT บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดปี 2568 ผลประกอบการจะสามารถรักษาเสถียรภาพเติบโตเล็กน้อย โดยคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 9.3 หมื่นล้านบาท โต 3% จากปีก่อน หนุนจากปริมาณขายของธุรกิจต้นน้ำ, ธุรกิจก๊าซ, ธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพลดค่าใช้จ่าย คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 35 บาทมองว่า PTT จะเป็นแหล่งพักเงินที่ดีช่วงตลาดหุ้นผันผวนเพราะโครงสร้างธุรกิจบูรณาการครบวงจรช่วยให้ผลประกอบการผันผวนน้อยกว่าคู่แข่งฐานะการเงินแข็งแกร่ง (Net IBD/E 0.4 เท่า)
.
AP บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปี 2567 กำไรอ่อนตัวจากปีก่อน เป็นไปตามภาพอสังหาฯ ที่อ่อนตัว แต่การปรับตัวที่เร็วควบคุม Inventory turnover ให้อยู่ในระดับปกติ ส่งผลมายังปี 2568 สามารถเปิดโครงการได้ต่อเนื่อง และมีมูลค่าเปิดโครงการที่สูงขึ้น ทำให้ตั้งเป้ายอดขาย-ยอดโอนที่สูงขึ้น ในขณะที่ซัพพลายใหม่เข้ามาในปีนี้ลดลง จะทำให้ AP สามารถกินส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 5,376 ล้านบาท โต 7.1% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท
.
BCH บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ที่คาดจะฟื้นตัวเด่น โดยคาดกำไรปกติที่ 1,632 ล้านบาท โต 16% จากปีก่อน จากการเติบโต Organic growth รายได้ประกันสังคมที่เติบโตดีขึ้น การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การฟื้นตัวของรพ.ใหม่ที่ทยอยเปิดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่มองราคาปรับลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วพอสมควร โดยปีนี้คาดกำไรฟื้นตัวเด่น มองเป็นจังหวะเข้าลงทุน พร้อมยังคงมูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 20.40 บาท ให้คำแนะนำ ซื้อ
.
สุดท้าย BTG บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโนมกำไร และปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ขึ้น 16% เป็น 3,183 ล้านบาท โต 35.4% จากปีก่อน สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลด PER ในการประเมินมูลค่าลงเป็น 14.3 เท่า สะท้อนความผันผวนของตลาดในปัจจุบันทำให้ยังคงราคาเหมาะสมไว้ที่ 23.50 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ
ที่มา… WealthyThai