ห้องเม่าปีกเหล็ก

ไขข้อสงสัย! PTTGC แม้ขาดทุนเกิน 1 หมื่นล้านบาท แต่ทำไมนักวิเคราะห์ยังเชียร์ “ซื้อ”

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
433 views

ไขข้อสงสัย! PTTGC แม้ขาดทุนเกิน 1 หมื่นล้านบาท

แต่ทำไมนักวิเคราะห์ยังเชียร์ “ซื้อ”

 

.

หลังจาก PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รายงานไตรมาส 3/65 มีผลขาดทุนสูงถึง 13,384 ล้านบาท พลิกขาดทุนเมื่อเทียบกับงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,005 ล้านบาท แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้ว่า โดยบริษัทได้รับผลกระทบจากรายการขาดทุนที่ไม่เกิดประจำจำนวนมาก ทั้งขาดทุนขาดทุนสต็อกน้ำมัน 8.1 พันล้านบาท, ขาดทุน Hedging ราว 2.1 พันล้านบาท, ขาดทุน FX 3.1 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายเหตุขัดข้องโครงการคลังสินค้าหลังภาษีราว 682 ล้านบาท

.

แม้ PTTGC จะรายงานผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าคาดการณ์ แต่ดูเหมือนว่านักวิเคราะห์ต่างยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC หลังจากเล็งเห็นว่าไตรมาส 3/65 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ซึ่งปัจจัยพื้นฐานคงต้องรอการฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2566 ยังคงชูเรื่องปันผลสม่ำเสมอ คาด Dividend Yield เฉลี่ยต่อปีจะอยู่ราว 4-5%

.

ไร่เรียงบล.เอเซีย พลัส มีความเห็นว่า ประเด็นไตรมาส 3/65 พลิกกลับเป็นขาดทุนสูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ย่ำแย่กว่าคาด จากงวดก่อนหน้าที่เป็นกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท ถูกกดดันหลักจากกำไรปกติที่ลดลง 94.1%จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 815 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากทุกธุรกิจของ PTTGC ทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี อีกทั้งรายการพิเศษสุทธิแล้วยังเป็นค่าใช้จ่ายสูง 1.4 หมื่นล้านบาท จากทั้งขาดทุนสต๊อกน้ำมัน, ขาดทุน hedging และขาดทุน FX

.

ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 4/65 มีโอกาสพลิกเป็นขาดทุน จากแผนหยุดซ่อมโรงกลั่น major turnaround 50 วัน โดยยังแนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 56 บาทต่อหุ้น ด้านปัจจัยพื้นฐานคงต้องรอการฟื้นตัวอีกครั้งในปี 66 ยังคงชูเรื่องปันผลสม่ำเสมอ คาด Dividend Yield เฉลี่ยต่อปีจะอยู่ราว 4-5%

.

ถัดมา บล.กรุงศรี มีความเห็นว่า คาดไตรมาส 3/65 จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดแล้วของ PTTGC และคาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นในปี 66 เมื่อจีนผ่อนคลายมาตรการ lockdown ส่วนการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 จะถูกขับเคลื่อนโดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และ GRM ที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งราคาและ spread ของปิโตรเคมีจะยังคงอ่อนแอ โดย PTTGC มีกำหนดจะปิดโรงกลั่นนาน 50 วัน, ปิดโรงงานหนึ่งในสามของกำลังการผลิต HDPE นาน 38 วัน และปิดโรงงาน PO นาน 56 วันในไตรมาส 4/65 ดังนั้น ถึงแม้บริษัทจะพลิกเป็นกำไรได้ ก็น่าจะยังต่ำอยู่ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 50 บาท

.

ส่วนบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกมาให้ความเห็นว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว โดยปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 66 เป็น 53.00 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 1 เดือน ทำให้ Upside เหลือไม่มาก ประกอบกับระยะสั้นหุ้นอาจตอบรับปัจจัยลบจากงบไตรมาส 3/65 อ่อนแอกว่าคาด เชิงกลยุทธ์จึงแนะนำ รอซื้ออ่อนตัว หรืออาจขายทำกำไรบางส่วนเพื่อรอซื้อเมื่อ Upside มากกว่านี้

.

ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน P/BV 0.7 เท่า ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของผลประกอบการปีนี้ และ Spread ปิโตรเคมีระดับขอบล่างของ Downcycle ไปแล้ว ขณะที่เชื่อว่า Margin ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปีหน้าจะไม่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันเพราะกำลังผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดลดลง รวมทั้งผู้ผลิตจะมี Discipline และปรับลดการผลิตให้สอดคล้องกับภาวะตลาด

.

ขณะที่การเติบโต ประเมินว่าไตรมาส 4/65 คาดผลประกอบการไม่แย่เท่าไตรมาส 3/65 เพราะขาดทุนสต็อกน้ำ มัน, ขาดทุน FX, ขาดทุน Hedging จะลดลงจากไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ภาพรวมกำไรยังอยู่ในเกณฑ์อ่อนแอ เพราะตลาดปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว และเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่น อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 9 เดือนปี 65 ขาดทุนสุทธิ 7.8 พันล้านบาท ทำให้ประมาณการปี 65 ของฝ่ายวิจัยที่ขาดทุน 1.3 พันล้านบาท ยังมีความท้าทาย

.

ด้านนักวิเคราะห์บล.ธนชาต มีมุมมองว่า แนวโน้มไตรมาส 4/65 ประเมินว่าจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง เนื่องจากการปิดโรงกลั่นตามแผน และอัตรากำไรจากปิโตรเคมีที่อ่อนแอนับจากต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากเรา downside จากราคาที่จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย 56 บาท

 

 


Sunnyday