“ระวังให้ดี พายุกำลังจะมาใหม่”
และนี่คือ เหตุผลสำคัญว่าทำไมหุ้นไทยยังเสี่ยงร่วงต่อ:

1. โลกกำลังเข้าสู่ “Stagflation”
สหรัฐอเมริกามีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ Stagflation (GDP หดตัว + เงินเฟ้อสูง + คนว่างงานเพิ่ม)
ย้อนอดีตทุกครั้งที่ GDP สหรัฐติดลบไตรมาสแรก เช่นปี 2001, 2008, 2020 → หุ้น S&P ร่วงทันที 50-60%
นักลงทุนระดับโลกเริ่มหันไปหาทองคำ มากกว่าหุ้น
ถ้า S&P ยังไม่จบขาลง... หุ้นไทยยากจะพ้นวิกฤต
2. พื้นฐานไทยไม่แข็งแรงอย่างที่คิด
ก่อนเกิดสงครามการค้า เศรษฐกิจไทยก็ถูกคาดว่าจะโตไม่ถึง 2% อยู่แล้ว
ไทยยังพึ่งพาการส่งออก-ท่องเที่ยวสูงมาก แต่ทั้ง 2 แหล่งรายได้ กำลังชะลอ
หนี้ภาครัฐของไทย สูงกว่าประเทศอาเซียนอื่นๆ ขณะที่อัตราโตต่ำกว่าเพื่อนบ้าน
ประเทศอื่น “หนี้น้อยแต่โตเร็ว”
แต่ไทย “หนี้สูงแต่โตช้า” = อันตราย
3. หุ้นไทยยังไม่ใช่ของถูก
ปี 2025 คาดว่า EPS หุ้นไทยอยู่ที่ 91 บาท/หุ้น
ถ้าให้ค่า PE ที่เหมาะสมแค่ 12-14 เท่า → SET ควรอยู่ที่ 1,020 – 1,280 จุด
วันนี้ SET ขึ้นมาที่ 1,250 จุดแล้ว = เริ่มแพง
หากเศรษฐกิจโลกสะดุดหนัก → SET อาจหลุด 1,000 จุดอีกครั้ง
4. ความสัมพันธ์ที่ต้องเข้าใจ: ROE ต่ำ = PE ต้องต่ำ
วันนี้ ROE ของตลาดหุ้นไทยอยู่แค่ ~9%
ขณะที่ประเทศที่ ROE สูง (เช่น S&P500 ที่ 19%) เทรด PE ได้ถึง 20 เท่า
หุ้นไทย ควรเทรดต่ำกว่า 14 เท่า จนกว่า ROE จะฟื้น
5. กลยุทธ์จากกูรู: เก็บเงินสดไว้ก่อน
“ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาสะสมหุ้นแบบ All-in
แต่เป็นเวลารอจังหวะ ถ้าหลุด 1,000 ค่อยทยอยเก็บ”
– กวี ชูกิจเกษม
สรุปส่งท้าย:
หุ้นไทยไม่ใช่ของถูกอัตโนมัติ
เพียงแค่ดัชนีลง ไม่ได้แปลว่าควรซื้อ
สิ่งที่ต้องถามตัวเองเสมอคือ:
“พื้นฐานกำไรโตไหม?”
“ROE ดีขึ้นหรือไม่?”
“เศรษฐกิจโลกดีพอจะพยุงหุ้นได้หรือยัง?”
ถ้ายังตอบไม่ได้ชัด...
ทางเลือกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ “ซื้อหุ้น”
แต่คือ “ถือเงินสด แล้วรอดูให้ชัดก่อน”
ทีมา.. KIM Property Live