ห้องเม่าปีกเหล็ก

AMATA – WHA กำลังโดดเด่น

โดย STEELBAR
เผยแพร่ :
428 views

AMATA – WHA กำลังโดดเด่น

เมื่อนิคมฯ ไทย เป็นที่สนใจของต่างชาติ !

 

.

หุ้นนิคมอุตสาหกรรมนับเป็นกลุ่มที่ได้รับปัจจัยบวกอย่างมาก ทั้งจากการเปิดประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้นักลงทุนเดินทางเข้ามาดูพื้นที่ในนิคมฯ ได้ต่อเนื่อง มาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทำให้บริษัทต่างชาติหลายแห่งย้ายฐานการผลิตมายังไทยเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ

.

แม้ปัจจัยสถานการณ์อาจไม่ได้รุนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังและติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีปัจจัยที่ทำให้เหตุการณ์ประทุกลับมารุนแรงอีกครั้งได้ โดยล่าสุดทางการสหรัฐได้ตรวจจับบอลลูนขนาดใหญ่ของจีนในน่านฟ้าสหรัฐฯ ได้ และตัดสินใจให้นำเครื่องบิน F-22 ยิงขีปนาวุธเพื่อทำลาย ส่งผลให้ทางการจีนแถลงแสดงความไม่พอใจและประท้วงต่อการกระทำของสหรัฐฯ โดยจีนขอสงวนสิทธิตอบโต้ที่จำเป็นเพิ่มเติมต่อไป

.

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่าจะเป็นชนวนเหตุให้ความขัดแย้งรอบใหม่ปะทุขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นและเกิดการตอบโต้ทางการค้าขึ้นจริง อาจเป็นโอกาสที่ไทยจะสามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติให้ย้ายฐานการผลิตได้

.

ดังนั้นหุ้นกลุ่มนิคมฯ ที่โดดเด่นและถูกจับตามองว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากนักลงทุนที่ย้ายฐานการผลิต คือ AMATA และ WHA โดยทาง Wealthy Thai จึงมีแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2566 และความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มีต่อการเติบโตของหุ้นทั้งสองบริษัทมานำเสนอ

.

มาเริ่มที่ AMATA หรือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมเติบโตก้าวกระโดดราว 1.5 พันไร่ ประกอบด้วย ในไทยคาด 1 พันไร่ เพิ่มขึ้น 54.3% จากปีก่อน ฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา และเวียดนามราว 500 ไร่ จาก 45 ไร่ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดหลังชะลอตัวจากความล่าช้าของทางการเวียดนามในการออกใบอนุญาตโครงการใหม่

.

โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 1,677 ล้านบาท เติบโต 122.1% จากปีก่อน จากธุรกิจนิคมที่จะเติบโตเด่น ทั้งการขยายการลงทุนกลุ่ม EV, การย้ายฐานการผลิตออกจากจีน, การที่รัฐบาลบาลออกนโยบายสนับสนุน และผลักดันให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง

.

ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค มีการเพิ่มอุปทานน้ำรองรับความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ฟื้นตัว และกลุ่มอุตฯ ที่มีความต้องการใช้น้ำเยอะ (เช่น Data center, Solar cell และถุงมือทางการแพทย์) รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น ภัยแล้ง และน้ำท่วม ซึ่งบริษัทมองว่าความสามารถในการให้บริการน้ำอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงภัยแล้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผลิตของลูกค้าดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเพิ่ม

.

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตเด่นตั้งแต่ไตรมาส 4/65 และต่อเนื่องในปี 2566 ตามภาคการผลิตที่กลับมา และเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยคงคำแนะนำ เก็งกำไร และให้มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 23.00 บาท

.

ขณะที่ WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ ระบุว่า คาดปี 2566 จะเติบโตโดดเด่นจากธุรกิจนิคมฯ ที่จะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายการลงทุน ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายราย โดยจะเด่นตั้งแต่ในไตรมาส 1/66 ที่บริษัทใกล้จะปิดดีลเซ็นสัญญาที่ดินลอตใหญ่ราว 300-400 ไร่ ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 14.4% จากปีก่อน เป็น 3,961 ล้านบาท

.

ส่วนปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ 1. การย้ายฐานการลงทุนจากจีนมาไทยและเวียดนาม, 2. มาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล (BOI) เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และ 3. ภาครัฐพัฒนาพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง ทั้งพื้นที่รอบข้าง และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ อีกทั้ง การเข้ามาตั้งฐานการผลิตของค่ายรถ EV ซึ่งมองว่าจะช่วยดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ในกลุ่ม รวมถึงค่ายรถแบรนด์อื่นให้เข้ามาลงทุนเพิ่มในอนาคตได้

.

ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 4.55 บาท โดยมองว่าผลประกอบการไตรมาส 4/65 จะเติบโตโดดเด่นจากที่ดินลอตใหญ่ที่มีโอกาสโอนทันบางส่วนภายในปีนี้ และเติบโตต่อในปี 2566 รวมถึงมีปัจจัยบวกจากภาคการผลิตโดยรวมที่ฟื้นตัว มาตรการการส่งเสริมการลงทุน และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพิ่มมากขึ้น

 

 


STEELBAR