ห้องเม่าปีกเหล็ก

ยุคดอกเบี้ยขาลง ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
223 views

Cr.  ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ

ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น !
ยุคที่เราต้องระวังเรื่องการใช้จ่าย กำลังเริ่มแล้ว
เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กำลังทำให้ "ยุคดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน" จบลง

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการสู้สงครามกับเงินเฟ้อของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก 
ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายแต่ละประเทศ ต้องปรับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง 
โดยในเวลาไม่ถึงปี
สหรัฐ ขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้ง รวม +3.0%
สหภาพยุโรป ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม +1.25% 
อังกฤษ ขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้ง รวม +2.15%
ออสเตรเลีย 5 ครั้ง รวม +2.25%
ฟิลิปปินส์ 5 ครั้ง รวม +2.25%
มาเลเซีย 3 ครั้ง รวม +0.75%
อินโดนีเซีย 2 ครั้ง รวม +0.75%
ไทย 2 ครั้ง รวม +0.5%

เมื่อธนาคารกลางขยับ ดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรต่างๆ ก็จะขยับตามเป็นขบวนแรก
ทั้งดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล และดอกเบี้ยหุ้นกู้ของเอกชน 
บางครั้ง ขึ้นก่อนธนาคารกลางปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป

ส่วนดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ก็เช่นกัน ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น 
ตามสัญญาณจากธนาคารกลาง เป็นขบวนถัดมา 
ในสหรัฐ JPMorgan Chase Bank แบงค์ที่ใหญ่ที่สุด ได้ปรับ Prime Lending Rate ขึ้น 5 ครั้ง
จาก 3.25% เป็น 6.25% ขึ้นมา +3.0% ตามจังหวะที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อย่างสอดประสาน

แบงค์อื่นๆ เช่น Bank of America หรือ Well Fargo Bank ก็ปรับขึ้น 5 ครั้ง ในจังหวะและอัตราเดียวกัน
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ปกติแล้วธนาคารพาณิชย์จะคอยดูสัญญาณจากธนาคารกลางว่า 
ต้องการให้ดอกเบี้ยในประเทศปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหน 
และจะดำเนินการตามที่ธนาคารกลางส่งทิศทางมา


ทั้งนี้ เนื่องจากแบงค์พาณิชย์แต่ละแบงค์ เป็นแค่ส่วนเดียวของเศรษฐกิจ 
คงยากที่จะฝืนทิศทางของธนาคารกลางได้ 
เพราะสัญญาณและนโยบายจากธนาคารกลาง 
จะกระทบไปทุกส่วนของตลาดการเงิน

โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรที่จะเป็นตลาดแรกที่ปรับทันที 
ส่วนธนาคารพาณิชย์ อาจจะใช้เวลา อาจจะรอได้บ้าง ในช่วงสั้นๆ
แต่เมื่อธนาคารกลางปรับดอกเบี้ยไปต่อเนื่องในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างต่อเนื่อง 
ทำให้ดอกเบี้ยในระบบ เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้น
ธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องปรับตาม ในท้ายที่สุดเช่นกัน
ซึ่งการปรับดอกเบี้ยตามดังกล่าว จะช่วยให้นโยบายของธนาคารกลาง 
สามารถส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ ในทิศทางที่ธนาคารกลางต้องการ


สำหรับประเทศไทย 
หลังแบงค์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมา 2 ครั้ง +0.5% และคงปรับขึ้นไปต่ออีกระยะ 
การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์กำลังเริ่มขึ้นเช่นกัน 
ส่งผลต่อดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในประเภทต่างๆ 
ซึ่งจะช่วยในกระบวนการดูแลเงินเฟ้อของแบงค์ชาติ

ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น จะจูงใจให้คนลงทุน และกู้ยืมน้อยลง
ดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น จะจูงใจให้คนฝากเงิน ใช้จ่ายน้อยลงเช่นกัน 
ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมใช้จ่ายลดลง ลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ
โดยกระบวนการนี้ จะเริ่มชะลอและหยุดลง 
ก็ต่อเมื่อแบงค์ชาติซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางดอกเบี้ย จบรอบของการขึ้นดอกเบี้ย
หมายความว่า “ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น” ในไทย 
ยังจะเดินหน้าไปอีกระยะ
ส่งผลกระทบต่อดอกเบี้ยเงินกู้แบบต่างๆ ให้เพิ่มขึ้น
สินเชื่อบ้านแบบคงที่ 2-3 ปี ดอกต่ำๆ ก็แทบหาไม่ได้ในขณะนี้ ต่างจากช่วงก่อนหน้า
ซึ่งเราทุกคนคงต้องระวังเรื่องการสร้างหนี้ ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น นี้
ยิ่งเศรษฐกิจโลกกำลังอ่อนลง 
บริษัทต่างๆ คงต้องคิดเรื่อง สภาพคล่อง ดูแลกระแสเงินสด ฐานะการเงินให้ดี
อะไรไม่จำเป็นก็คงต้องผลักออกไปก่อน
เพื่อให้เราสามารถผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าไปได้

ส่วนผู้ฝากเงิน ที่ต้องรับกับดอกเบี้ยเงินฝากต่ำๆ มานาน 
ต่อไปก็จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ลองดู เนื่องจากแบงค์ชาติไทยคงปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ 
และปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป 
จากเงินเฟ้อพื้นฐานของเรายังไม่สูงมากนัก 
จากเศรษฐกิจเราที่ฟื้นตัวช้ากว่าเขา 
และจากครัวเรือนส่วนหนึ่งเปราะบาง มีหนี้มาก


ทั้งนี้ การที่แบงค์ชาติไทยจะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ 
ขึ้นไปที่ 1.25%-2.0% แล้วดูสถานการณ์โลกว่าเป็นอย่างไร 
กระทบกับไทยมากน้อยแค่ไหน  
เรื่องนี้จะทำให้ดอกเบี้ยประเภทต่างๆ ในไทย 
ปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เช่นกัน 
ซึ่งช่วงนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยไปไม่มาก น่าจะดีกว่า ครับ 
 


คนเล่นหุ้น