ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 61 ทยอยประกาศออกมาเกือบหมดแล้ว มีทั้งที่มีกำไรดีขึ้น กำไรเท่าเดิม และบางบริษัทถึงขั้นขาดทุนก็มีเช่นกัน
บางครั้งเราอาจจะได้พบว่าทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการก็ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็น่าจะวิ่งขึ้นตามผลประกอบการ
แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ราคาหุ้นกลับดิ่งลง ที่เป็นเช่นนี้เพราะ “ความคาดหวัง” ของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นตัวนั้นมีมากกว่าผลที่ประกาศออกมา
เปรียบเสมือนกับทีมฟุตบอล ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่มต้นฤดุกาลไปแล้ว หลังจากที่แต่ละทีมซื้อนักเตะหน้าใหม่ที่มีผลงานเข้าตามาเสริมทีม ด้วยความคาดหวังที่จะพาทีมคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้
เมื่อซื้อมาแล้วด้วยค่าตัวที่สูง และมีผลงานการันตีที่ดีในฤดูกาลก่อนหน้ากับสโมสรเก่า ความคาดหวังจึงมีมาก
ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าจึงเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ฝีมือ ถ้าทำผลงานได้ดีก็อาจจะยึดตำแหน่งตัวจริงในสนามได้อีกยาวนาน รวมถึงค่าตัวที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนนักเตะที่ทำผลงานได้ต่ำกว่าคาดก็คงต้องถูกนั่งตัวสำรองและเตรียมถูกขายต่อไป
หุ้นก็เช่นกัน เมื่อไตรมาสที่แล้วทำผลกำไรได้ดี นักลงทุนก็คาดหวังว่าไตรมาสนี้จะทำได้ดีกว่าไตรมาสก่อน หรือดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
และถ้าผลออกมาทำได้ดี แต่ต่ำกว่าคาด เหมือนทีมฟุตบอลชนะด้วยสกอร์ 1-0 แต่ด้วยศักยภาพและความคาดหวังว่าควรจะชนะมากกว่า 3 ลูก แบบนี้คงไม่ต้องสงสัยว่าคนที่เลือกข้าง “ต่อ” ไว้คงเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน T T
เมื่อคาดหวังมาก (P/E สูง) และผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ราคาจึงร่วงลงแรง
เมื่อเลือกข้างฟุตบอลฝั่ง “ต่อ” ด้วยราคาสูงลิ่ว ก็ย่อมเจ็บตัวหนักเช่นกันนะครับนักลงทุนทั้งหลาย