ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตาการควบรวมยุคใหม่ สลายผูกขาด เพิ่มสีสันการแข่งขัน

โดย Lennoon
เผยแพร่ :
65 views

การควบรวมกิจการของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ที่มีฝ่ายนักวิชาการมองว่า การควบรวมจะทำให้เกิดการผูกขาดมากยิ่งขึ้นจนเข้าสู่ระดับอันตราย ผู้บริโภคจะมีอำนาจต่อรองลดลง โดยยกตัวอย่างถอยหลังไปในยุคก่อนปี 2547 ที่มีผู้เล่นในตลาดโทรคมนาคมเพียง 2 ราย ตลอดจนจะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพได้รับการสนับสนุนลดลง และจะกระทบต่อรายได้จากการประมูลคลื่น 6G ในอนาคตของภาครัฐที่จะลดลง จากจำนวนผู้แข่งขันที่ลดลง

 

ในเรื่องนี้หากมองกันเพียงผิวเผินก็คงจะเออออไปกับแนวคิดที่ว่านั้น เพราะเป็นการพูดตามหลักวิชาการ พูดร้อยครั้งก็ถูกร้อยครั้ง แต่หากอยู่กับโลกของความเป็นจริง จะเห็นว่า โลกวันนี้และในอนาคตมีความต่างจากโลกในอดีตจากการวิเคราะห์ข้างต้นอย่างสิ้นเชิง 

 

 

 

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ครองอันดับหนึ่งเป็นเจ้าตลาดรายเดียวมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ผูกขาดรายเดียวอย่างแท้จริง เพราะอีก 3 รายใหญ่ (TRUE, DTAC, NT) ตามไม่ทัน ด้วยมียอดผู้ใช้บริการ 43 ล้านราย ห่างไกลอันดับสองอย่าง TRUE ที่มีผู้ใช้บริการ 31 ล้านราย ส่วน DTAC รั้งอันดับสามมาพักใหญ่ ๆ กับยอดผู้ใช้บริการเพียง 19 ล้านราย ถือว่าเป็นธุรกิจตะวันตกดิน ไม่มีอนาคต ซึ่ง DTAC เองก็รู้ตัวเองมานานแล้ว แต่ก็ไม่อยากออกจากตลาด ขณะเดียวกัน TRUE ก็อยากขึ้นอันดับหนึ่ง จึงมีการเจรจากันระหว่าง TRUE และ DTAC มานานพอควร แต่ยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจาก DTAC เป็นของ Telenor ประเทศตะวันตก หากจะขายก็ต้องขายแพง เพื่อไม่ให้ขาดทุน ส่วนฝ่ายผู้ซื้อแน่นอนว่าไม่มีใครอยากได้ของแพง จึงยังไม่ตกลงซื้อขายกัน แต่เป็นที่มาของการร่วมทุน เพราะอย่างน้อยก็ทำให้มูลค่าหุ้นสูงขึ้น แล้วทำให้ TRUE ได้ขึ้นอันดับหนึ่ง ส่วนลูกค้า DTAC ที่ไม่มีบริการบอร์ดแบนด์ ก็มาใช้ของ TRUE ได้ เรียกว่า Win-Win

 

 

ขณะที่สภาพการใช้งานมือถือในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ค่ายมือถือไม่มีกำไรจากค่าโทรศัพท์หรือ SMS แต่พึ่งพาบริการจากดาต้า อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ละค่ายจึงไปเน้นกันที่การทำคอนเทนต์ โดยแย่งกันหาสมาชิก หากการควบรวมเกิดขึ้น AIS รู้ตัวว่ากลายเป็นอันดับสอง และ TRUE มีโอกาสเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ AIS จึงจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ เมื่อนั้นการแข่งขันยิ่งจะยิ่งรุนแรงขึ้น ต้องต่อสู้ทางการตลาดทั้งด้านคุณภาพ บริการ บรอดแบนด์ และราคา ตรงนี้ที่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ จึงไม่ต้องคิดถึงภาพของการผูกขาดหรือฮั้วกันเลย ซึ่ง TRUE และ AIS ไม่มีทางที่จะฮั้วกันได้อยู่แล้ว โดยพื้นฐานธุรกิจแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แทบจะไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ  

 

 

ส่วนประเด็นที่ว่า ผู้เล่นในตลาดจะเหลือแค่สองรายนั้น จริง ๆ ยังมี NT เป็นรายใหญ่อีกหนึ่งราย แต่วันนี้ NT ยังทำตัวง่อยเปลี้ยเสียขา เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นมาออกกำลังกายให้ตัวเองแข็งแรงยืนหยัดได้ (ยังพอใจกับการเกาะกินรายได้จากการให้เช่าบริการอยู่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ อนาคตยุคดาวเทียมมาถึงคงจะลำบาก) การแข่งขันจึงเห็นกันอยู่แค่ AIS กับ TRUE ส่วนเจ้าใหม่ ๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาในตลาดได้ ไม่ใช่เพราะรายใหญ่กีดกันอย่างที่เกิดขึ้นในจีนหรืออเมริกาเพราะสภาพการณ์ต่างกันมากนัก แต่เป็นเพราะการเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ต้องใช้ต้นทุนในการประมูลคลื่นสูงมาก แถมไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ จะมีใครกล้าเข้ามาลงทุนอีก ย้อนกลับไปดูตอนที่ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ประมูลคลื่นได้ ด้วยเงินประมูลสูงมาก แต่พอประมูลได้ กลับไปต่อไม่ได้ เพราะต้องลงทุนอีกมากในเรื่องเสาสัญญาณและอื่น ๆ จึงต้องจบตัวเองลงที่หน้าประตูทะลุเข้าตลาดไม่ได้

 

 

ถ้าอยากให้มีรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มจริง ๆ ต้องกลับไปที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องอำนวยความสะดวกให้มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น และทำให้เกิดการแข่งขันในตลาด การไปกระตุ้น NT ก็เป็นวิธีหนึ่งที่น่าจะต้องทำ แต่ในความเป็นจริง กสทช. ก็คงจะมองว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะผู้เล่นในตลาดที่มีอยู่นี้ โดยเฉพาะ AIS และ TRUE ก็แข่งกันกันเองอย่างดุเดือดเป็นปกติโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

 

 

สำหรับในยุคต่อไปที่จะเป็น 6G นั้น ไม่ต้องกลัวเลยว่าเมื่อมีผู้เล่นน้อยรายแล้ว รายได้จากการประมูลคลื่นของรัฐจะลดลง เพราะต่อให้ผู้เล่นยังเหลือเยอะราย ก็คงไม่มีใครมาประมูลคลื่นของกสทช. อีก เพราะตอนนี้เทคโนโลยีใหม่ มาจ่อคอหอยอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบัน AIS กำลังเจรจากับ SPACE X ของอิลอน มัสค์ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ยุค 6G ที่ต้องใช้ดาวเทียมในการสื่อสาร และต่อไปทาง TRUE กับ DTAC ก็ต้องเจรจากับ SPACE X เช่นกัน แล้ว SPACE X ก็คงไม่ปล่อยให้ AIS ผูกขาดสัญญาณของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ทั้ง AIS และ TRUE กับ DTAC จะกลายเป็นเบี้ยรองบ่อนของ SPACE X เพราะทั้งคู่ต้องไปใช้บริการของอิลอน มัสค์ ฉะนั้น การแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในระดับ 6G ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน ไม่ต้องกลัวผลกระทบเรื่องการไม่แข่งขัน หรือผูกขาด หรือผู้บริโภคจะเสียประโยชน์เลย

 

 

ดังนั้น ลองพิจารณาดูอีกครั้งว่า หากไม่มีการควบรวมระหว่าง TRUE กับ DTAC แล้ว AIS ก็จะยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดเหนือรายอื่น ๆ ต่อไป โดยที่รายอื่น ๆ วิ่งตามไม่ทัน อย่างนี้ไม่ควรเรียกว่าผูกขาดกว่าหรือ แล้วทำไมถึงไม่มีนักวิชาการหรือหน่วยงานใดออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้รายอื่น ๆ ที่เหลือ แต่ปล่อยให้เจ้าตลาด สนุกกับการสร้างกำไรอย่างอิ่มหมีพีมันอยู่รายเดียว   

 

 

แต่หากมีการควบรวมเกิดขึ้น จะทำให้การแข่งขันมีสีสันมากขึ้น เพราะเบอร์หนึ่งจะเปลี่ยนหน้าไป โดยจะเป็นครั้งแรกที่ TRUE บวก DTAC มีผู้ใช้บริการมากกว่า AIS และมีศักยภาพทางการแข่งขันขึ้นมาไล่เรี่ยกับ AIS หรือนำหน้า AIS อยู่นิดหน่อย ชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอ ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสู้กันทางธุรกิจแบบเลือดตาแทบกระเด็น เพราะ TRUE ต้องรีบวิ่งหนีให้ห่างจาก AIS และ AIS เองก็จะไม่ยอมแพ้แน่ ๆ จากจำนวนผู้ใช้บริการที่ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก แถมมี backup ระดับ Singtel และ Gulf หนุนหลังอยู่ ยังมีแรงไปต่อได้อีกเยอะ จะวิ่งไล่ทำเอา TRUE เหนื่อยไม่ได้พักแน่ ๆ นั่นคือภาพของการแข่งขันอย่างแท้จริง ที่เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ซึ่งเราจะได้เห็นบริการที่ออกแบบมาให้ประโยชน์กับผู้บริโภคได้ดีขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า ด้วยคุณภาพที่สูงขึ้น ปราศจากภาพของการผูกขาด

 

 

ส่วนในมุมของธุรกิจ Startup นั้น ก็จะยิ่งมีโอกาสทยานไประดับภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้นด้วยซ้ำ จากการที่ผู้สนับสนุนจากต่างชาติของทั้งฝั่ง AIS คือ Singtel และฝั่ง TRUE กับ DTAC ที่มี Telenor ซึ่งผู้สนับสนุนทั้งสองฝั่งมีทั้งความเข้มแข็งและความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและการทำธุรกิจระหว่างประเทศ จะยิ่งมาช่วยเสริมสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ ฐานลูกค้า สร้างนวัตกรรม พร้อมโอกาสเข้าถึง Know How และแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ ให้กับ Startup มากยิ่งขึ้น แถมยังจะพากลุ่ม Startup ไปสู่การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทางของบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งสองอีกด้วย

 

 

เมื่อโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน ทั้งความคิด มุมมอง วิธีการ ทุกอย่างต้องปรับ พร้อมกับการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ให้เท่าทันโลก ไม่ใช่โลกวิ่งไปที่ 6G แต่มุมมองความคิดวันนี้ ยังอยู่กับที่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยยังหล่อเลี้ยงวาทกรรมผูกขาดด้วยภาพเก่า ๆ ไม่เดินไปข้างหน้า แทนที่จะสลายการผูกขาดตัวจริง กลับกลายเป็นการส่งเสริมการผูกขาดโดยไม่รู้ตัว วันนี้คนที่อยากทำหน้าที่ชี้นำสังคมหรืออยากให้สังคมพัฒนา ต้องพัฒนา MINDSET และเพิ่มสปีดให้ตัวเองทุกองศาก่อน เพื่อให้หมุนเร็วกว่าโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป

 

 

------------  

Cr: TelecomTalk 

 


Lennoon