คณะกรรมการนโยบายการเงินลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 1.75% เหลือ 1.50% ถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายเร็วกว่าที่คาด

Key Highlights
กนง.ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
กนง.ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps จาก 1.75% เป็น 1.50% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่เป็นการผ่อนคลายนโยบายที่เร็วกว่าที่เราคาด ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อประมาณการของเรา
การเติบโตและเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้
กนง. มองว่า การเติบโตของ GDP ไทยยังคงใกล้เคียงกับที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนใหญ่เป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทาน เช่น ราคาสินค้าอาหารสดและราคาพลังงานที่ลดลง แม้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัว
ทั้งนี้ ยังคงคาดการณ์การเติบโต GDP ปี 2568 ที่ 2.3% แต่แบงก์ชาติส่งสัญญาณว่าอาจปรับสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวลงในที่ประชุม กนง. ครั้งถัดไป
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อบรรเทาความเสี่ยงขาลง
กนง. เห็นว่ามาตรการเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ อาจทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันของไทยรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ท่ามกลางช่วงที่สินเชื่อในระบบธนาคารกำลังหดตัว และความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่สูงขึ้นสำหรับ SME และครัวเรือนรายได้ต่ำ
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค ดังนั้น กนง. จึงมองว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเป็นสิ่งเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของธุรกิจ ลดภาระทางการเงิน ลดภาระหนี้ให้กลุ่มเปราะบาง และบรรเทาความเสี่ยงขาลง
ธปท. ส่งสัญญาณพร้อมดำเนินการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม
ในระหว่างการแถลงข่าวและช่วงถาม-ตอบ ธปท.ดูไม่มีกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเน้นย้ำถึงประเด็นการหดตัวของสินเชื่อระบบธนาคารและภาระทางการเงินของกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้
นอกจากนี้ ธปท.ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านช่องว่างเชิงนโยบาย จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะประสิทธิภาพของนโยบายมีแนวโน้มลดลง
มุมมอง KS
คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มใน 4Q68
เราคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยอีกหนึ่งครั้งใน 4Q68 ไม่เพียงคาดเห็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2568 จากผลของฐานที่สูงในปีก่อนและผลกระทบด้านลบจากมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ แต่รวมถึงภาพของเงินเฟ้อไทยที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติด ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลให้ กนง. อาจผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมเพื่อพยุงเศรษฐกิจและบรรเทาความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้ ในการประชุม กนง. ครั้งถัดไปวันที่ 8 ต.ค. จะมีสมาชิกใหม่ 2 คน ได้แก่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คุณวิทัย รัตนากร และคุณเชาว์ เก่งชน ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก แทนนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ที่ลาออก เราเชื่อว่าจุดยืนด้านนโยบายของคณะกรรมการอาจมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยความคาดหวังว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมภายในช่วงปลายปี
เรามองว่าพัฒนาการเหล่านี้เป็นบวกต่อกลุ่มการเงิน ค้าปลีก โรงไฟฟ้า ICT อสังหาฯ และปิโตรเคมี
สำหรับภาพรวมดัชนี SET เราประเมินว่าทุกการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 10 bps จะช่วยหนุนดัชนีให้เพิ่มขึ้นราว 20 จุด ส่งผลให้ระยะสั้นดัชนีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเป้าหมายดัชนีของเราได้โดยเฉพาะเมื่อมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าต่อ