ห้องเม่าปีกเหล็ก

MALEE ทุ่ม 1.5 พันลบ. เดินหน้าเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก

โดย S2Mcontent
เผยแพร่ :
291 views

 

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ "มาลี กรุ๊ปได้ผลัดใบสู่ทายาทยุคเจนเนอเรชั่น 2 โดยมี "รุ่งฉัตร บุญรัตน์ขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ ต้องพบกับความท้าทายรอบด้านจากเทรนด์ความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภค

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่มากมาย กับโจทย์ใหญ่ที่ต้องปั๊มรายได้ และส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น ทั้งการเปลี่ยนขื่อบริษัทจาก "มาลีสามพราน" เป็น "มาลี กรุ๊ป" เพื่อยกภาพลักษณ์ให้ดูอินเตอร์ขึ้น และมีการออกสินค้าใหม่ๆ ต่อเนื่อง..

 

ข้อมูลลักษณะธุรกิจ และ ตัวเลขทางการเงิน หุ้น MALEE

 

ในปีนี้ถือเป็นภารกิจยักษ์ใหญ่ มาลี กรุ๊ป ในการจัดทัพครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี ใช้งบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาทครอบคลุมทั้งการรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างองค์กร สำนักงานใหม่ ต้องการลบภาพลักษณ์ที่แต่เดิมเป็นแค่ ผู้ผลิตน้ำผลไม้ สู่การเป็น ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” ภายในปี 2564 

 

 

รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชนเปิดเผยว่า การปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของมาลีจากการเป็น ‘ผู้ผลิตน้ำผลไม้’ ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้กันดีอยู่แล้ว ไปสู่การเป็น ‘ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก’ ให้ได้ภายในพ.. 2564 นับเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทฯ ในรอบเกือบ 40 ปีที่ได้ดำเนินธุรกิจ

 

ชู กลยุทธ์ 4 R

R1 : Rebrand 

 

โดยกลยุทธ์แรก Rebrand จาก"มาลีสามพราน" มาเป็น "มาลี กรุ๊ป" เมื่อปีที่แล้ว พร้อมการปรับ Product Portfolio ใหม่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของบริษัท

R2 : รีออกาไนซ์ (Reorganize)

 

ปรับโครงสร้างองค์กรทั้งระบบ พร้อมจัดทัพทีมผู้บริหารใหม่ ตลอดจนจัดตั้งหน่วยงานใหม่ เช่น Business Development และ International Business เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก

R3 : รีโนเวท (Renovate

 

ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ปรับปรุงออฟฟิศ และโรงงาน  เครื่องจักร และกระบวนการทำงานต้างๆ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวิจัยพัฒนา และควบคุมคุณภาพสินค้า รวมไปถึงระบบหลังบ้าน 

 

  1. การวาง master plan โรงงานใหม่ทั้งหมดให้ทันสมัยขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 

  2. ลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตจาก 300 ล้านลิตรเป็น 330 ล้านลิตรต่อปี รองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

  3. ระบบ Back Office ด้วยการพัฒนาระบบ IT ระบบ CRM รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลมาใช้ 

  4. ปรับปรุงออฟฟิศใหม่ ผ่านแนวคิดในการออกแบบ “ให้ออฟฟิศเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2” มีการแบ่งโซนระหว่างทำงานและผ่อนคลาย รวมทั้งการนำระบบปรับอากาศที่มีการถ่ายเทอากาศออกไปสู่ข้างนอก 

 

R4 : รีคอนเนค (Reconnect

 

มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการเสริมแกร่งและพัฒนาความร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ในการพัฒนาสินค้าใหม่ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต การพัฒนาช่องทางขายและการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เช่น Monde Nissin Corporation ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศฟิลิปปินส์ ,Mega Lifesciences ผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

 

 รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

 

"เราวางงบลงทุน 1.5 พันล้านบาท ใช้ในระยะ 3 ปี ปี 59-61 เฉลี่ยปีละ 500 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการรีโนเวท ปรับภาพลักษณ์องค์กร และการปรับปรุงออฟฟิศใหม่ เนื่องจากอาคารค่อนข้างเก่ามาก เพื่อให้มีบรรยากาศที่ดีในการทำงานมากขึ้น"นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว



นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 61 เติบโตอย่างก้าวกระโดด แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากมุ่งเน้นการทำตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมายอดขายในต่างประเทศเติบโตราว 30-40% ต่อปี และปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 43% และในประเทศไทย 57%



ขณะที่ปีนี้บริษัท ยังคาดว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่จะเติบโตราว 10-15% จากระดับ 6.58 พันล้านบาทในปีก่อน แม้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ยอดขายรวมน่าจะปรับลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวลง แต่ในครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าตลาดน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพน่าจะเติบโตดีขึ้น ซึ่งบริษัทก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมอีก 2-3 ผลิตภัณฑ์ จากที่ผ่านมาก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้ว เช่น น้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% (Malee coco) เป็นต้น



นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบการร่วมมือในอนาคตบริษัทจะมุ่งเน้นการจับมือกับพันธมิตรหลาย ๆ ราย ต่อหนึ่งประเทศ และต้องเป็นประเทศที่ใหญ่ มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก รวมถึงมีภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีความสนใจในประเทศอินโดนีเซีย ,เวียดนาม และเมียนมา เป็นต้น

 

 

ขอบคุณข้อมูล และ ภาพ : positioningmag.com, อินโฟเควสท์, StockRadars


 


S2Mcontent