ข้อตกลงยังไม่จบ ทรัมป์ยื้อขึ้นภาษี EU – สงครามการค้ารอบใหม่กำลังก่อตัว
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) อัตรา 50% ออกไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม
หลังจากพูดคุยทางโทรศัพท์กับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
แม้จะยังไม่เริ่มเก็บภาษี แต่สัญญาณจากทั้งสองฝ่ายชี้ชัดว่า การยื้อเวลานี้คือการเปิดเกมต่อรองรอบใหม่มากกว่าจะเป็นสัญญาณของการคลี่คลาย

ยุทธศาสตร์ภาษีที่เดิมพันด้วยตลาดโลก
ฝั่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ยุโรปลดภาษีสินค้าอเมริกัน พร้อมเปิดตลาดให้มากขึ้น โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงาน
ขณะที่ยุโรปเสนอโมเดล "zero-for-zero" หรือยกเลิกภาษีสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม ฝั่งยุโรปยังเตรียมมาตรการตอบโต้หากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษี โดยมีรายชื่อสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีตอบโต้มูลค่ารวมกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์ในสองชุด
ทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจต่อโครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของยุโรป และกฎระเบียบที่เขามองว่าเป็นอุปสรรคต่อบริษัทอเมริกัน
ตลาดการเงินสะเทือน นักลงทุนเริ่มตั้งรับ
หลังข่าวการเลื่อนขึ้นภาษี ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวทันที หลังจากก่อนหน้านี้ร่วงหนักจากความกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้า
นักลงทุนบางส่วนมองว่านี่อาจเป็นโอกาสในการเจรจา แต่ความไม่แน่นอนยังครอบคลุมตลาดโลก
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีจริง อาจทำให้ GDP ลดลง 0.2 จุด เงินเฟ้อขยับขึ้น 0.2 จุด และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 0.1 จุด
ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้น หลังทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสมาร์ทโฟนที่ไม่ได้ผลิตในประเทศ
ความสัมพันธ์การค้าสหรัฐ-ยุโรปเดินมาถึงทางแยก
ข้อพิพาททางภาษีครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาค
หากการเจรจาล้มเหลวและมีการตอบโต้กันจริง ย่อมสร้างความเสียหายระยะยาวต่อทั้งห่วงโซ่อุปทานและบรรยากาศการลงทุนระหว่างประเทศ
บริษัทข้ามชาติจากทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็น Apple, BMW, หรือ Volvo ต่างเริ่มเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้
โดยเฉพาะการกระจายความเสี่ยงด้านต้นทุนและห่วงโซ่การผลิต
เส้นตาย 9 กรกฎาคม คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ทั้งทรัมป์และฟอน เดอร์ ไลเอิน ต่างแสดงท่าทีพร้อมเจรจาอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 9 กรกฎาคม
ซึ่งจะเป็นเส้นตายใหม่ในการหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีระดับสูง
แต่หากไม่มีความคืบหน้า สงครามการค้าระหว่างสองยักษ์เศรษฐกิจของโลกอาจกลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่แค่การขู่ขึ้นภาษี แต่มันสะท้อนการเปลี่ยนยุทธศาสตร์การค้าของโลกใหม่ทั้งหมด
การที่สองขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มมีรอยร้าวในความร่วมมือ ย่อมส่งผลต่อโครงสร้างการค้าโลกทั้งระบบ
นักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกและเครือข่ายการผลิตระดับโลก เพราะนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนระลอกใหม่
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก.. KIM Property Live