ธ.ไทยพาณิชย์ ยืนยันไม่มีแผนลุย “Virtual bank”
ลั่นจะไม่ขยายสาขาแบงก์ใหม่เพิ่ม
พร้อมตั้งเป้ายอดสินเชื่อปี 66 โตไม่เกิน 5%

.
SCB กางแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2566-2568) ปรับองค์กรสู่ธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดด้านบริหารความมั่งคั่ง มุ่งขยายฐานลูกค้า Wealth เป็น 6 แสนราย หนุน AUM แตะระดับ 2 ล้านล้านบาท ส่วนปี 66 ตั้งเป้าสินเชื่อโตไม่เกิน 5% และ ROE มากกว่า 10%
.
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารยังมุ่งพัฒนาเพื่อให้เป็นธนาคารที่ดีและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผน 3 ปี (2566-2568) มุ่งสู่การเป็น ดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง โดยตั้งเป้าหมายส่วนแบ่ง wealth wallet share อันดับ 1 และขึ้นแท่นที่หนึ่งในใจลูกค้าทุกกลุ่มภายในปี 2568 พร้อมลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ให้ต่ำกว่า 40% และผลักดันสินเชื่อสีเขียว (Green Finance) เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ตามเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืน (ESG)
.
โดยธนาคารต้องผลักดันกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เกิดขึ้นจากนี้โดยคำนึงถึงการมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ธนาคารกำลังริเริ่มโครงการในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าในวงกว้าง (Digital Wealth) โดยไม่เน้นเฉพาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่มีอยู่แล้ว แต่มุ่งไปที่กลุ่ม Emerging Wealth ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและมีความต้องการที่จะสร้างความมั่งคั่งระยะแรกเริ่ม อาจยังมีสินทรัพย์ไม่มากนักแต่มีความต้องการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งในระยะยาว ซึ่งมักจะวางแผนการลงทุนด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ
.
ธนาคารจึงต้องการนำดิจิทัลเข้ามาใช้เป็นตัวช่วยในการมอบทางเลือกทางการออมและการลงทุนที่เหมาะสมให้กับลูกค้าในกลุ่มนี้ เพื่อสร้างข้อเสนอแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล (Hyper-personalized offer) ที่จะกระตุ้นให้ลูกค้ามองเห็นโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งที่เป็นไปได้ในหลากหลายรูปแบบ โดยจะเป็นโครงการต้นแบบของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในกลุ่มอื่นๆ ต่อไปในอนาคต
.
จากแผนการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้น ธนาคารตั้งเป้าหมายในปี 2568 จะมีลูกค้า Wealth เพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนราย จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 4 แสนราย และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริการจัดการ (AUM) แตะระดับ 2 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 1.6 ล้านล้านบาท
.
ทั้งนี้ ธนาคารได้วางงบลงทุนไว้ราว 7,000 – 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและไอที รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้บริการกับมีความมั่นใจว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
.
เนื่องจากธนาคารยังมุ่งจะพัฒนาดิจิทัลแบงก์อย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีแผนที่จะขอ ใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์รูปแบบใหม่ที่ไม่มีสาขา หรือ Virtual bank (ไม่รวมในส่วนของ SCBX) จากธนาคารแห่งประเทศไทย ในส่วนของสาขาทั้ง 766 แห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะสามารถสนับสนุนการดำเนินงานด้านดิจิทัลได้อย่างไรบ้าง แต่จะไม่มีการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม
.
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 ธนาคารมุ่งเน้นการสร้างสมดุลของการขยายพอร์ตสินเชื่อควบคู่กับการรักษาคุณภาพ โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตไม่เกิน 5% และสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 40%
.
โดยเชื่อว่าปี 2566 น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจธนาคาร จากอานิสงส์การเปิดประเทศของจีน ซึ่งมีผลต่อการขยายตัวของภาคท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และความเชื่อมั่นในการลงทุน ตลอดจนภาคธุรกิจทยอยฟื้นตัว
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย แม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายบายอยู่ และเมื่ออัตราดอกเบี้ยไม่ได้ปรับลดลง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง โดย SCB EIC คาด กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้สู่ระดับ 2%
.
อย่างไรก็ตาม จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นขาขึ้น แม้ธนาคารจะได้รับอานิสงส์เชิงบวก แต่จะพยายามส่งผ่านความเสี่ยงจากดอกเบี้ยไปสู่กลุ่มลูกค้าเปราะบางอย่างระมัดระวัง