SCGP สรุป 5 เหตุผลกับการขับเคลื่อนธุรกิจปี 64
แม้ SCGP ต้องเผชิญกับความผันผวนของการระบาด COVID-19 แต่ยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายในปี2563 เท่ากับ 92,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน จากการที่บริษัทมีลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัย การซื้อสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ และการสร้างประโยชน์จากการผนึกพลัง (Synergy) จากการควบรวมกิจการในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 5,268,51 ล้านบาท
โดยนายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP ได้เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการและแผนงานปี 2564 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1.ประเมินยอดขายจะไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เติบโตอัตราตัวเลข 2 หลัก จากปี 2563 ที่อยู่ระดับ 92,786 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ผลประกอบการของ SOVI และ Go-Pak เข้ามาตั้งแต่เดือน ม.ค.64
2.ปี 2564 ตั้งงบลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท (รวมถึงการควบรวมกิจการของ Go-Pak ประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564) โดยเงินลงทุนนี้จะใช้เพื่อการขยายกิจการที่มีอยู่เดิม การลงทุนควบรวมกิจการ การลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งยังมีดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ปัจจุบันมีเงินสดในมือ 33,000 ล้านบาท มีหนี้สิน 45,000 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.6 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งมีศักยภาพในการขยายธุรกิจต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ยังมีมีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 5,500 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกูแบงก์ 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 เดือน โดยมีเรตติ้งเท่ากับ A+ซึ่งถือเป็นอัตราเดียวกันกับบริษัทแม่อย่าง SCC
3.โครงการขยายกำลังผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และโครงการขยายบรรจุภัณฑ์โพลิเมอร์ในประเทศไทยจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ 3.วางแผนบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รองรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในระดับภูมิภาคที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหากสถานการณ์ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มคลี่คลาย
4.ประเมินว่าความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเพื่อสุขภาพ จะยังคงขยายตัวในปี 2564 และในระยะยาวประเมินว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์จะได้รับปัจจัยบวกจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตสินค้ามายังภูมิภาคอาเซียน
5.การขยายธุรกิจใน SOVI และ Go-Pak จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการนำเสนอบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและเพิ่มรายได้ให้ SCGP กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยทั้ง 2 บริษัทเป็นกิจการที่ดี มีกำไรอย่างต่อเนื่อง พร้อมจะมุ่งเน้นสร้าง synergy สร้างผลตอบแทนให้กลับมาโดยเร็ว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก