1.ซื้อขายบ่อยเกินไป ไม่ทำความรู้จักกับตัวเองชนวนแห่งความล้มเหลวโดยเฉพาะขายเร็วไปเมื่อกำไรเพียงเล็กน้อยหรือขาดทุนนิดเดียวก็ขายกันแล้วทนถือกันไม่ได้ซึ่งใรความเป็นจริงแล้วถ้าเราซื้อหุ้นถูกบริษัทแล้วเราทำการบ้านมาด๊หุ้นบริษัทนั้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงเสมอ
2.ไม่ทำความรู้จักกับตัวเอง อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่เป็นความจริงที่นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ไม่ทำการบ้านให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ
3.นักลงทุนหลายคน ใช้แนวทางของผู้อื่นที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบการลงทุนของตัวเอง โดยไม่แยกแยะความแตกต่างของต้นแบบกับตัวเอง เช่น ความทนทานต่อความผันผวน วิธีการตัดสินใจ เป็นต้น ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้ ทำให้เกิดความแตกต่างของผล แม้ว่าจะพยายามเลียนแบบวิธีการของผู้ที่ประสบความสำเร็จก็ตาม
4.ตามไปงานสัมนาหรือไปอบรมไปดูทุกที่ เรื่องนี้สำคัญมาก หากยอมเสียเวลาที่จะไปหาความรู้จากแหล่งต่างๆ จากผู้รู้มากหลายแล้ว สิ่งสำคัญคือ ต้อง "คิด" ตามไปด้วย เพราะไม่มีใครที่สามารถให้สูตรสำเร็จการลงทุนใดๆ ได้ ต้องศึกษาให้เข้าใจและคิดวางแผนด้วยตัวเอง
5.ทางที่ดีควรตั้งสติให้ดี ยืนทวนกระแสได้ในเวลาที่ควรด้วยการพยายามมองแบบมุ่งอนาคต มองกว้างครอบคลุมทางเลือกการลงทุน ทั้งหุ้น ทั้งตราสารหนี้ ทั้งเงินฝาก เป็นต้น
6.ความโลภและความกลัว ต้นเหตุของการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้เสมอ หากความผันผวนของหุ้นเป็นตัวมากเกินไปสำหรับนักลงทุนบางคน การลงทุนแบบที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างดีอย่าง TDEX (THAIDEX SET50 ETF) ก็เป็นทางเลือกที่จะลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
7.ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป้นนักลงทุนแบบไหน เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครที่จะทราบว่าราคาสูงสุดหรือต่ำสุดจะอยู่ที่เท่าไหร่ ข้อนี้สำคัญมากนะครับต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเป็นนักลงทุนแบบไหน
8.ขาดการศึกษาข้อมูลของตลาดการลงทุนและทางเลือกต่างๆ อย่างถี่ถ้วน รับฟังข้อมูลเพียงผิวเผิน และขาดการติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างเป็นประจำ
9.ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ เช่น แทนที่จะปรับเป้าหมายผลตอบแทนลงตามภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลง เวลาดอกเบี้ยปรับตัวลง กลับไปเพิ่มการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูงเข้าไป หรือพอเห็นการลงทุนบางอย่างลงไปแล้วให้ผลตอบแทนดีก็เพิ่มสัดส่วนไปจนเกินสมควรด้วยความหวังว่าจะได้กำไรมากๆ ก็ต้องระมัดระวัง และเตือนตัวเองให้กลับไปดูวัตถุประสงค์ในการออมเงินและความเสี่ยงที่เรารับได้อยู่ตลอดเวลา
10.จัดการแบ่งการลงทุนไม่เหมาะสมกับเป้าหมายการออม และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ บางคนนำเงินที่รู้ว่าจะต้องใช้ใน 3-4 เดือนข้างหน้าไปลงทุนในหุ้น บางคนนำเงินที่เก็บไว้ใช้ตอนเกษียณไปฝากประจำ 3 เดือน เกือบทั้งหมด จะเร็วจะช้าก็จะพบว่าเราไม่พอใจเลยกับการลงทุนที่มีอยู่ เพราะผลที่ได้จะไม่ตอบสนองสอดรับกับแผนชีวิตที่วางไว้ หรือความจำเป็นที่เกิดขึ้น
จากที่ผมพูดมาทั้งหมดก็เป็นเพียงข้อคิดที่มาแชร์ให้เพื่อนๆ ลองอ่านและคิดกันดูและนำไปเป็นข้อปรับปรุงในการเทรดเพราะในโลกแห่งความเป็นจริงมักจะจบลงด้วย Money Game เสมอ