มอร์นิ่งสตาร์โชว์ปี′59 เงินไหลเข้ากองทุนรวมสูงกว่า 5 แสนล้านบาท โต 14% เผยนักลงทุนกลัวความเสี่ยงหันลงทุนกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก คาดปี′60 กองทุนรวมโต 10% ชะลอลงจากปีที่ผ่านมา ชี้เทรนด์กองทุนผสมขึ้นแท่น
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการลงทุนในปี 2559 พบว่า มีเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่ไหลเข้ากองทุนรวมกว่า 524,968 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นปี 2559 กองทุนรวมมีอัตราการเติบโต 14.42% โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ประเภทกองทุนรวมที่มีเงินไหลเข้ามากสุด 3 อันดับแรกในปีที่แล้ว ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดระยะเวลาที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Bond Fix Term) ซึ่งมีมูลค่าเงินไหลเข้าสุทธิ 298,575 ล้านบาท กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Bond) 123,211 ล้านบาท กองทุนที่เน้นลงทุนแบบผสมทั่วโลก (Global Allocation) 47,435 ล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมประเภทที่มีเงินลงทุนไหลออกสูงสุด 3 อันดับแรกในปี 2559 ได้แก่ กองทุนรวมที่ลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนสูง (Global High Yield Bond Fix Term) มีเงินไหลออกสุทธิสูงสุดถึง 43,416 ล้านบาท รองลงมา คือ กองทุนตลาดเงิน (Money Market) มีเงินไหลออก 23,889 ล้านบาท และกองทุนรวมหุ้นยุโรป เงินไหลออก 10,952 ล้านบาท
"นักลงทุนดูเหมือนจะกังวลความเสี่ยงของกองทุนประเภทตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield Bond) ประกอบกับผลตอบแทนของกองทุนลักษณะนี้ก็เริ่มจะลดลงด้วย ทำให้ดูไม่คุ้มที่จะลงทุนต่อ จึงทำให้กองทุนกลุ่มนี้ได้รับความนิยมลดลง ส่วนกองทุนตลาดเงินที่เคยได้รับความนิยมสูง และเป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นแหล่งพักเงินในยามที่นักลงทุนไม่มั่นใจมาโดยตลอด ก็ไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน เป็นเพราะผลตอบแทนของกองทุนประเภทนี้ปรับตัวลดลง จึงทำให้มีเงินไหลออกจำนวนมาก" นายกิตติคุณกล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนปี 2560 นี้ นายกิตติคุณประเมินว่า ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนที่เป็นปัจจัยลบต่อการลงทุนอยู่ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะกระทบต่อกองทุนรวมตราสารหนี้โลก กองทุนรวมตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ และอาจจะรวมไปถึงกลุ่มกองทุนหุ้นสหรัฐ ที่อาจจะมีความเสี่ยงจากการเทขายได้ จากสถานการณ์ดังกล่าว คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจในกองทุนผสม (Allocation Fund) เช่นเดียวกับปีก่อน เพราะกองทุนประเภทนี้จะมีส่วนผสมทั้งตราสารหนี้และหุ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ตราสารใดตราสารหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ
"จะเห็นได้ว่าปีก่อนนักลงทุนที่กังวลความเสี่ยงก็จะลงทุนแบบกระจายสินทรัพย์ลงทุนทำให้กองทุนผสมได้รับความนิยมอย่างมากเห็นได้จากเม็ดเงินลงทุนสุทธิเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเมื่อปลายปี 2558 (Organic Growth Rate) มีอัตราการเติบโตถึง 65.44% ส่วนการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ เช่น หุ้นจีน หุ้นสหรัฐ ล้วน ๆ จะไม่ค่อยมี เนื่องจากนักลงทุนกลัวความผันผวน" นายกิตติคุณกล่าว
สำหรับในปี 2560 นี้ อุตสาหกรรมกองทุนรวมมีโอกาสเติบโตที่ระดับ 10% อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้อัตราการเติบโตเทียบเท่ากับปี 2559 อาจจะต้องมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น ผลตอบแทนของกองทุน ประกอบกับบรรยากาศทางการลงทุนที่ดี เป็นต้น