เปิดหุ้นเสี่ยงถูกฝรั่งเทขาย หลัง 'เงินบาทอ่อนค่า' สูงสุดรอบ 16 ปี

วันนี้ (16 ก.ย.65) อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.98 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปีและมีโอกาสอ่อนตัวใกล้แตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากฟันด์โฟลว์ที่เข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและตัวเลขสหรัฐดีกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างออกมาประเมินว่าการอ่อนค่าของเงินบาทที่รวดเร็วอาจเร่งให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกมาในช่วงนี้ หลังจากในช่วงวันที่ 1-15 ก.ย.65 ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องแล้วประมาณ 14,839.35 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้รวบรวมข้อมูลหุ้นที่ฝรั่งซื้อมากที่สุดตั้งแต่ต้นปี (YTD) และหุ้นที่ฝรั่งซื้อมากสุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่ฝรั่งถือครองมากสุด หลังจากเชื่อว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสถูกฝรั่งลดพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้
.
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะมีแรงขายต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องใกล้ทดสอบระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากสุดในรอบ 16 ปี และมองกรอบการขึ้นค่อนข้างจำกัด เพราะจะมี FTSE Rebalancing ที่มีการปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยลง 3 พันกว่าล้านบาท โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดในวันนี้ จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะย่อตัวลงมากกว่าที่จะกลับตัวได้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,630-1,626 จุด และแนวต้านที่ 1,646-1,650 จุด
.
ขณะที่ บล.พาย แนะให้นักลงทุนจับตากับกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติใกล้ชิด หลังเริ่มเห็นแรงขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯยังคงเดินหน้าอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯที่ปรับขึ้นต่อเนื่องโดยที่ดอกเบี้ยไทยปรับขึ้นตามไม่ทัน ดังนั้นกระแสเงินทุนต่างชาติจึงมีโอกาสไหลออกอยู่และนับเป็นปัจจัยกดดัน SET ในช่วงนี้ ส่วนด้านกลยุทธ์การลงทุนนั้น จึงยังคงคำแนะนำทยอยลดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากหลายๆความเสี่ยงที่กล่าวไปข้างต้น
.
ส่วนบล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่าระยะสั้น SET ยังเหวี่ยง เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่า ซึ่งกระทบต่อการไหลออกของฟันด์โฟลว์โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและกลุ่มอิง Global Plays รวมถึงวันนี้จะมีการ Rebalance ดัชนี FTSE คาดเม็ดเงินต่างชาติไหลออกราว -73 ล้านดอลลาร์ แม้ไม่มีหุ้นไทยเข้าและออก แต่มีการเพิ่มน้ำหนักหุ้น BH จำนวน 35 ล้านดอลลาร์ และลดน้ำหนักหุ้น SCC จำนวน 42 ดอลลาร์ ส่วน PTT, CPALL, AOT, BDMS, KBANK, ADVANC, PTTEP, GULF, CPN, SCB คาดจะโดนลดน้ำหนักราว -6 ถึง-2 ล้านดอลลาร์



***********************************