MOSHI เปิดเทรดวันแรกพุ่ง 66.67%
ผบห.ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นพื้นฐานและสตอรี่ธุรกิจ
ลั่นรายได้ปี 66 โตต่อ ลุยขยายสาขาเพิ่ม 20 แห่ง

.
MOSHI เปิดการซื้อขายวันแรกในกระดานตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยที่ราคา 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 66.67% จากราคา Iไอพีโอที่ 21.00 บาท ผู้บริหารชี้นักลงทุนเชื่อมั่นในธุรกิจ พร้อมลั่นรายได้ปี 2566 จะเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามการขยายสาขาและยอดขายสาขาเดิม
.
โดยนายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI เปิดเผยว่า ส่วนตัวค่อนข้างดีใจกับราคาเปิดเทรดวันแรกที่ปรับตัวขึ้นมา ซึ่งปัจจัยหรือสาเหตุเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจและตัวเลขของผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา
.
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 60% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปี 65 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,253 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 59% และในช่วงไตรมาส 4/65 ผลการดำเนินงานจะเป็นช่วงที่พีคที่สุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างสูง
.
ส่วนในปี 2566 คาดว่ารายได้จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามกำลังซื้อที่ฟื้นตัวกลับมาหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายสาขาเดิม(SSSG)มีการเติบโตได้ต่อเนื่องและบริษัทจะมีการออกสินค้าใหม่เพื่อตามโจทย์ฐานลูกค้าเดิมรวมถึงฐานลูกค้าใหม่
.
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทก็คือการขยายสาขาใหม่ ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 20 สาขา ในพื้นที่กทม.-ปริมณฑลและตามจังหวัดขนาดใหญ่ โดยรูปแบบการขยายสาขาจะเป็นในรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบ Stand alone ซึ่งคาดจะใช้งบลงทุนในปี 2566 ราว 100 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้วางแผนขยายการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ในปี 2565-2568 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า1,260 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนแรกใช้สำหรับการขยายสาขาและการลงทุนโครงการในอนาคต เช่น การเปิดสาขารูปแบบร้านค้าปลีกนอกห้างสรรพสินค้า (Standalone) และรูปแบบร้านค้าแฟรนไชส์ (Franchise) เป็นต้น
.
รวมถึงการพัฒนาสาขาเดิม และการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น การพัฒนาระบบ Supply Chain โดยตั้งเป้าหมายการขยายร้านสาขาของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 165 สาขา ภายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 400–450 ล้านบาท
.
ส่วนที่สองใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน จำนวนไม่เกิน 754.01 ล้านบาท ภายใน ปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายและอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ลดลง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทสำหรับการบริหารจัดการสาขาเดิม การขยายสาขาใหม่ เป็นต้น