เมื่อไม่นานมานี้..ผมเพิ่งได้อ่านงานเขียนของ Edwin Lefvre ชื่อหนังสือ Reminiscences of a Stock Operator (แปลเป็นภาษาไทย ชื่อ "บันทึกลับเซียนหุ้น") 

ผมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และ เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆของการเก็งกำไรในตลาดหุ้น ผ่านบุคคลที่ชื่อ “Lawrence Livingston” ซึ่งดัดแปลงชีวิตมาจากเทรเดอร์ตำนานของโลกตลอดกาลอย่าง Jesse Livermore ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเก็งกำไรผู้ยิ่งใหญ่มาแล้ว

Jesse Livermore ตำนานนักเก็งกำไรในวอลสตรีท
(ที่มาภาพ : Business Insider)

ลิฟวิงตัน ถูกให้ออกจากโรงเรียน และทำงานเป็นเด็กเดินโพยหุ้นในโบรคเกอร์ค้าหุ้นแห่งหนึ่ง น่าจะเป็นบรรยากาศช่วงปี 1890 ก่อนหน้านั้นถึง 100 ปี ที่เราจะมีอินเตอร์เน็ตใช้กันอย่างแพร่หลายและสะดวกสบายเหมือนอย่างทุกวันนี้

ชีวิตของลิฟวิงตันอยู่กับตลาดหุ้นตลอดเวลา เขาจึงเริ่มต้นที่จะเป็นนักเก็งกำไร เป้าหมายเขาชักเจนมากคือหวังส่วนต่างราคาหุ้น ไม่ใช่นักลงทุนที่มองถึงพื้นฐานธุรกิจเป็นหลัก เขาใช้เงินเก็บของเขาทั้งชีวิตมาลงในตลาดหุ้นและสามารถทำเงินหลายล้านเหรียญได้ในเวลา 20 ปี หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจอะไรมากนักเพราะเขาสร้างและก็พังด้วยน้ำมือของเขาเอง

ผมแนะนำให้ท่านผู้อ่านซื้อหนังสือ Reminiscences of a Stock Operator มาอ่าน เพราะมันทั้งสนุก และได้ความรู้ในการเทรดหุ้นในแบบฉบับของ Jesse Livermore

จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมกลั่นความคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ออกเป็น 3 บทเรียน มีอะไรบ้างเรามาดูกันครับ

บทเรียนที่ 1 : เรียนรู้ที่จะนั่งเฉยๆซะบ้าง

หลังจากที่ผมใช้เวลาหลายปีกับตลาดหุ้นวอล์สตรีท และผมก็สูญเสียเงินจำนวนมากไปกับมัน มันทำให้ผมคิดได้ว่า มันไม่มีระบบคิดไหนที่จะทำเงินก้อนใหญ่ได้ สิ่งที่ทำได้ คือ การนั่งเฉยๆ นั่งอยู่กับที่ เข้าใจไหม? นั่งให้ติดเก้าอี้ที่สุด!

คนที่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้โดยไม่ทำอะไร ย่อมไม่ธรรมดา ในโลกของตลาดหุ้นแล้ว การนั่งเฉยๆคือสิ่งที่ยากที่สุดที่จะทำ

ตลาดหุ้นไม่ได้ชนะพวกเขา แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่ชนะใจตนเอง เพราะพวกเขาคิดอยู่เสมอว่าคนฉลาดต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

บทเรียนที่ 2 : ไม่มีสูตรสำเร็จในตลาดหุ้น

เคล็ดลับ! ทำไมคนจำนวนมากถึงต้องการเคล็ดลับกันมากขนาดนั้น สิ่งที่ผมรู้คือ ในตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความโลภและความหยิ่งยะโส ซึ่งไม่มีใครเต็มใจจะแบ่งปันอะไรนักหรอก ผมจึงรู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่มีคนออกมาให้เคล็ดลับอะไรบางอย่าง จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้ใจดี แต่พวกเขากำลังหาผลประโยชน์จากกลุ่มคนโง่เขลาเหล่านั้นต่างหาก เมื่อเคล็ดลับถูกใช้ออกไป ถ้ามันทำกำไรได้ผลจริงๆ เขาจะบอกว่า เห็นไหม! มันเป็นสูตรสำเร็จที่จะทำเงินในตลาดหุ้น แต่ถ้าเมื่อไรที่เคล็ดลับนั้นใช้ไม่ได เขาจะบอกว่ามันคือโชคชะตา และเขาก็โชคไม่ดีที่เจอแบบนั้น ครั้งหน้าจะลองใหม่

เคล็ดลับหรือสูตรสำเร็จมันก็แค่นั้น ในบางครั้งเคล็ดลับที่คุณเรียนรู้มาอาจจะทำให้คุณตาบอดด้วยซ้ำไป และมันจะทำลายพอร์ตโฟลิโอของคุณไปเรื่อยๆ อย่างแรก คุณไม่มีทางรุ้ว่าคนที่ให้เคล็ดลับคุณ เขาซื้อหุ้นตัวไหน เขายังถืออยู่ไหมกับหุ้นที่เขาแนะนำให้คุณ หรือถ้าเขามีจริงๆ คุณก็ไม่รู้หรอกว่าเขามีหุ้นอยู่เท่าไร อาจจะ 100 หุ้น หรือมีอยู่สัดส่วนน้อยมากๆ หรือไม่ก็เขาอาจจะขายออกไปเมื่อไรก็ได้โดยที่คุณไม่รู้ คุณก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่คอยดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นให้กับเขาต่างหาก

"เกมของการเก็งกำไรเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล แต่มันไม่ใช่เกมสำหรับคนโง่ คนขี้เกียจ คนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ และคนที่อยากจะรวยเร็ว" - Jesse Livermore
(ที่มาภาพ : AZ Quotes)
 

บทเรียนที่ 3 : มันคุ้มค่าที่เราจะศึกษาพฤติกรรมของมวลชน

การศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์จะเป็นประโยชน์มากในตลาดหุ้น พฤติกรรมของมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน แต่อารมณ์ต่างหากที่เปลี่ยนพวกเขา คนจำนวนมากมักจะเชื่อเหมือนๆกันและทำอะไรเหมือนๆกัน และนั้นส่งผลให้เกิดคำว่า "ความโลภ" และ "ความกลัว" 2 อารมณ์นี้จะอยู่ติดกับมนุษย์ไปตลอดเวลา ดังนั้นการศึกษาจิตวิทยาของนักเก็งกำไรมันคุ้มค่ามากจริงๆ

.... มีความจริงอยู่ประการหนึ่งนั้น คือ ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยของมันเอง และมันก็เป็นจริงอยู่เสมอในตลาดหุ้นวอล์สตรีท ถ้าคุณศึกษาเรื่องราวเหล่านี้จะเห็นถึงความนิยมและตามมาด้วยฟองสบู่ และเกิดเป็นโอกาสครั้งใหม่ให้คนที่รู้ทันได้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เกมไม่เคยเปลี่ยน พฤติกรรมของมนุษย์ก็ไม่เคยเปลี่ยนเช่นเดียวกัน

และนี้ก็เป็น 3 บทเรียนที่ผมได้จากการอ่านหนังสือ Reminiscences of a Stock Operator ก่อนที่จะจบบทความนี้ ผมอยากจะทิ้งท้ายข้อคิดของ Jesse Livermore เอาไว้ว่า "ถังแตก คือบทเรียนที่มีประสิทธิภาพที่สุด"

-------------------------------------

ที่มา : 3 Big Investing Lessons from the World’s Greatest Stock Market Speculator
เขียนโดย Vishal Khandelwal
แปลและเรียบเรียงโดย : SiTh LoRd PaCk