มีมุมมองในเชิงบวกต่อ BJC โดยคาดว่ากําไรปีนี้จะเพิ่มขึ่นอย่างโดดเด่นจากการวม BIGC เต็มปี ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตต่อเนื่อง ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และ มี Synergy เพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจกัน
ในอดีต BigC คือการร่วมทุนกันระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและกลุ่มคาสิโนของฝรั่งเศส เปิดห้างค้าปลีกในไทย ต่อมาได้มีการซื้อกิจการห้างค้าปลีกคาร์ฟูลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ต่อมาในปี 2559 BJC ได้เข้ามาซื้อ BigC และเปลี่ยนกุศโลบายใหม่ คือ "ห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า" ซึ่งก็ตรงตัว 100% ตอนนี้ BigC คือห้างคนไทยแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ห้างของต่างชาติอีกต่อไปแล้ว
BigC มีรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ซึ่งเปลี่ยนไปตามสถานที่และกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า บิ๊กซีซุเปอร์เซ็นเตอร์ (ห้างสรรพสินค้าเจาะระดับปานกลางถึงล่าง) บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า (ห้างสรรพสินค้าพรีเมี่ยมเจาะระดับปานกลางถึงบน) มินิบิ๊กซี (ร้านสะดวกซื้อชุมชน) และบิ๊กซีมาร์เก็ต (ซุเปอร์มาร์เก็ตเจาะระดับปลานกลางถึงล่าง) นอกจากนี้ยังมีธุรกิจขายของออนไลน์อย่าง บิ๊กซีช็อปปิ้งออนไลน์ และ Cmart อีกด้วย
นอกจากรายได้จากขายของหรือห้างโมเดิร์นเทรดแล้ว ตัวบิ๊กซีเองยังเป็นผู้ให้เช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ถึงแม้ว่ารายได้จะไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมด
ที่ผ่านมา BigC ทำอะไรไปบ้าง
ในปี 2559 ที่ผ่านมา บิ๊กซีเริ่มที่จะไม่เข้าทำสงครามราคากับคู่แข่ง แต่เน้นการสร้างกลยุทธ์ที่มีเอกลักษณ์ คือ ยกเลิกการขายสินค้าที่ไม่สร้างกำไรหรือกำไรน้อย และยังมุ่งเน้นไปที่การขายอาหารสดมากกว่า ส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น การขยายสาขาก็เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้
สาขาทั้งหมดของ BIGC และบริษัทอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ขอบคุณภาพจาก : รายงานประจำปี BIGC ปี 2559
แล้วจะทำอะไรต่อในปี 2560 ....
การเน้นขยายสาขามากขึ้นโดยเฉพาะบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต และมินิบิ๊กซีเพิ่มอีก 200 สาขา ถือเป็นการเพิ่มสาขาแบบก้าวกระโดด อีกทั้งจะดำเนินกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกอาหารสด การเน้นพัฒนาขายของออนไลน์จาก Cdiscount เป็น Cmart
ปรับปรุงร้านใหม่ของมินิบิ๊กซี คือ ปรับการตกแต่งร้านให้ดูสวยขึ้น เพิ่มรายการอาหารพร้อมรับประทาน มีพื้นที่นั่งทานอาหาร เปิดร้านกาแฟและเบเกอร์รี่ เป็นต้น
ขอบคุณภาพจาก : ข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2560
โครงสร้างรายได้ของ BIGC
ขอบคุณภาพจาก : รายงานประจำปี BIGC ปี 2559
ยอดขายของบริษัทลดลงมาประมาณ 10% จากปี 2558 เนื่องมาจากยกเลิกการขายสินค้าบางชนิดที่ไม่สร้างกำไร อย่างไรก็ตาม ยอดขายการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6%ต่อปี
ขอบคุณภาพจาก : ข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2560
ถึงแม้ยอดขายลดลง แต่รายได้จากค่าเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูง และมีการเปิดสาขาใหม่
ขอบคุณภาพจาก : ข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2560
บทวิเคราะห์ว่าอย่างไร ?
บทวิเคราะห์จาก MBKET วิเคราะห์ไว้ว่า BJC จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ ธุรกิจจะรับรู้รายได้เต็มปีจาก BIGC ที่เติบโตอย่างโดดเด่น อีกทั้งดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลง ส่วนธุรกิจดั้งเดิมอย่างบรรจุภัณฑ์ก็ยังดีต่อเนื่อง ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 59 บาท
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ : บทวิเคราะห์ MBKET)
บทวิเคราะห์จาก AECS วิเคราะห์ไว้ว่า BJC จะเข้าสู่ปีแห่งการเก็บเกี่ยวจากสิ่งที่ลงทุนไป มีพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่องเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 55 บาท
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ : บทวิเคราะห์ AECS)
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์จากโบรคเกอร์อ่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาธุรกิจให้เข้าใจก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ ...
ยอดขายของ BIGC ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 เมื่อควบรวมกับ BJC
ขอบคุณภาพจาก : ข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2560