Wave Principle เป็นหลักการในการแยกแยะประเภทของ Wave ตามลักษณะ ของ Wave Pattern
ประกอบ ด้วย Rules 3 ข้อ และ Guideline ดังนี้
.
Rules เป็น กฎที่ต้อง ยึดถืออย่างเคร่งครัดในการแบ่งแยก Impulse Wave ออกจาก Wave แบบอื่นๆ
.
ก็คือ ถ้าเป็นไปตาม Rules ทั้ง 3 อย่างแล้ว มีโอกาสเป็น Impulse Wave ซึ่งจะเป็นแบบไหน ก็ต้อง ดู Wave Pattern ของคลื่นย่อย ประกอบ กับ Guideline ต่างๆ อีกที
.
แต่ถ้า ผิด Rule ข้อใดเพียงข้อเดียว ไม่มีทางเป็น Impulse Wave เด็ดขาด ...
แต่จะเป็น Wave อะไร นั้น จะต้องไป ดู Wave Pattern ของคลื่นย่อย และ Guideline ประกอบอีกที ..
..
Rules มี 3 ข้อ คือ
.
Rule 1.
Wave 2 ต้องไม่ถดถอยลึก กว่าจุดเริ่มต้นของ Wave 1 หรืออีกจะบอกว่า Wave 2 ต้องมีระยะราคาไม่ยาวกว่า Wave 1 ก็ได้
..
ถ้านับ Wave 2 แล้ว ดันถอย ยาวเกิน Wave 1 แปลว่า นับเป็น Wave 1 Wave 2 ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเป็น อย่างอื่น อาจจะเป็น Wave A , Wave B แทน หรืออย่างอื่น ก็ต้องดู Wave ที่เกินก่อนหน้าประกอบ อีกที
Rule 2.
ใน Wave 1 , Wave 3 , Wave 5 ที่ไปในทางเดียวกัน ของ Impulse ถ้าเอามาเทียบระยะราคากันแล้ว Wave 3 ต้องไม่สั้นที่สุด ... แต่อาจจะเท่ากับ Wave 1 หรือเท่ากับ Wave 5 ได้
และ ที่สำคัญ Wave1 , Wave3 และ Wave5 ทั้ง 3 คลื่น จะไม่มีทางที่เท่ากันหมด ทั้ง 3 คลื่น ด้วย
..
ถ้านับไปคลื่นไป แล้ว พบว่า Wave 3 = Wave 1 แสดงว่า Wave 5 นั้นอาจจะยาวกว่า หรือสั้นกว่า ..
แต่ถ้าเป็น Impulse ซึ่งเป็น Trend จริงๆ ถ้าเจอ Wave 3= Wave 1 โอกาสที่ Wave 5 จะยาวที่สุด มีสูงมาก ...
.
.
Rule 3.
Wave4 จะต้องไม่ถดถอย ลึกจน Overlap หรือ ทับซ้อน เข้ามาอยู่ในระยะความสูงของWave 1
ถ้าเจอ Wave 4 ซ้อนเข้ามาใน ปลายของ Wave1 ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า เรานับคลื่นผิด !!
.
หรือถ้าตรวจสอบแล้ว ว่า ไม่ผิด จริงๆ ยังไงก็เป็น Impulse แต่ Wave 4 ดัน Overlap Wave1 แสดงว่า ราคาเคลื่อนที่ ใน Trend แต่ อ่อนแรง ตามหลักของ Wave จะไม่ถือว่าเป็น Impulse Wave แต่จะเรียกเป็น Diagonal Pattern ...
..
เพียงใช้ Rule 3 ข้อ นี้ ก็สามารถแยกแยะ Impulse Wave กับ ที่ไม่ใช่ Impulse ได้แล้ว ...
เรื่องของโครงสร้างของ Wave
..
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ในแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคา จะมีทั้งที่ไปตามแนวโน้ม และพักตัวสวนทางแนวโน้ม (Counter Trend)
.
ถ้าเป็นราคา ที่เคลื่อนที่ ตาม Trend เรียกว่า เป็น พวก Motive Wave
ส่วนที่ Counter Trend เรียกว่า เป็น Corrective Wave
...
.
ใน Motive Wave นี้ จะมี คลื่นย่อย ทั้งหมาด 5 คลื่น เวลานับคลื่น จะใช้ตัวเลข 1-2-3-4-5
จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่ม 1. Impulse Wave . (IM)
คือ การเคลื่อนที่ของราคา 5 คลื่นย่อย ที่ ผ่าน Rule ได้ทั้ง 3 ข้อ ซึ่งจะ แบ่งเป็น 3 ประเภท ตามการยืดยาวของ แต่ละคลื่น
คือ
Ext.W1 = Wave 1 ยาวที่สุด
Ext.W3 = Wave 3 ยาวที่สุด
Ext.W5 = Wave 5 ยาวที่สุด
.
กลุ่ม 2 Diagonal
พวกนี้จะผ่าน Rule ได้ 2 ข้อ แต่ข้อ Overlap Wave1 จะไม่ผ่านลักษณะ ก็คือ Wave 1 จะยาวที่สุด แล้ว Wave 3 จะสั้นลง ทำให้พอถอย Wave 4 แล้ว Overlap Wave1 และ Wave 5 ก็จะเด้ง สั้นๆ สั้นกว่า Wave 3 หรือ อาจเท่ากับ Wave 3
.
รูปร่างการเคลื่อนที่ ตามศัพท์เรียก ของ price pattern ก็คือ พวก Rising Wedge หรือ Falling Wedge นั่นเอง ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 พวก คือ Leading Diagonal กับ Ending Diagonal
..
คงสังสัยว่าต่างกันยังไง ... ขอ ยังไม่อธิบาย เดี๋ยวมันจะยาวเกินไป ...
ส่วน อีกกลุ่ม คือ Corrective Wave (Cor)
พวกนี้ คือ จะมีคลื่นย่อยเพียงแค่ 3 คลื่น หรือบางแบบอาจมี 5 คลื่น หรือ มากกว่า 5 คลื่นย่อย แต่ผิด Rule 3 ข้อ ...ซึ่ง จะขอแบ่ง เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ คือ
.
กลุ่มแรก เป็น Simple Cor. ก็ตามชื่อ อ่านออกง่าย ชัดเจน มี 3 pattern คือ Zigzag , Flat และ Triangle
.
กลุ่มสอง คือ Complex Cor. กลุ่มนี้ล่ะ ที่จะนำความปวดหัว มาให้ชาวนับคลื่น ทั้งหลายมึนเมาไปตามๆ กัน นับผิด นับถูก นับพลาด ถกเถียง ทะเลาะกัน ก็ เพราะ complex นี่ ล่ะ มันจะมี 2 แบบ คือ Double Combination กับ Triple Combination
.
มันคือ อะไร ...มันก็คือ การที่ราคาพักตัว ผันผวน ไม่มี Trend ชัดเจน หรือ วิ่งสั้นๆ แล้วก็พัก อาการประมาณ ที่เราเรียกกันว่า Sideway Up หรือ Sideway Down นั่นล่ะ
.
Complex Combination มันคือ การประกอบร่างของ Simple Corrective หลายๆ ชุด เข้าด้วยกัน จะมีวิธีการนับคลื่น เป็นตัวอักษร ที่ต่างออกไป
.
Double Combo นับเป็น W-X-Y คือ มี Corrective 3 ชุด ต่อกัน
.
Triple Combo นับเป็น W-X-Y-XX-Z คือ มี Corrective 5 ชุดต่อกัน
.
... การประกอบร่าง ของ Complex Combination นี้ จะมี Guideline ปลีกย่อย มากมาย วุ่นวาย ถึง ที่สุด ...
..
..
แล้วมันจำเป็นไหม ...
...
ตอบคำถามนี้ก่อน ...จะเรียนเรื่อง Wave จะเรียนไป นับคลื่น ให้เป็นเทพ หรือ จะเรียนไปเทรด ทำกำไร ......?
ถ้าเป็นอย่างหลัง ...ยึด Rule 3 ข้อ ให้แม่นๆ หา Impulse ให้เจอ แล้ว เทรด ทำกำไร ซะ ... จบ..
..
อ้าว ... แล้ว งี้ จะรู้ corrective ไปทำไม ...
..
ก็ Wave 2 กับ Wave 4 มันเป็น corrective นี่นา เรียน Correcitive เพื่อให้รู้ว่า Corrective ของ Wave 2 หรือ Wave4 มันจะจบรึยัง จะได้ ซํด ตั้งแต่ ต้น Wave3 หรือ ต้น Wave 5 เลย (ถ้า Wave 5 มันยาวพอให้คุ้มที่จะเทรด นะ)
...
อ้าว ... แล้ว ไม่ต้อง เข้าใจ Complex เหรอ ...?
..
หุ้นในตลาด มีตั้งกี่ร้อยตัว ... เจอมัน Complex จะเสียเวลา นับ ทำไม .. ไปหา พวก Simple Corrective ดิ ... แล้วพอ มัน A-B-C จบ ก็ซัด เลย ... ตูม... ตูม ....
เข้าใจรึยัง ....?
...
อธิบายแบบนี้ ทีไร .... ทำหน้าตาเข้าใจ กันหมด ...
.
แล้วมันก็จะมี อยู่พวกนึง มัน อยาก โชว์เหนือ โชว์ เทพ แอบมาถาม อยู่ดี ล่ะ ... "พี่ปุย ครับ แล้ว Complex นี่เราจะรู้ได้ไง ครับพี่ ว่า มัน เป็น Complex อยากนับ abc-x-abc เป็น อ่ะครับ พี่" ....
..
มันต้องมี อย่างนี้ ทุกที ....
เอา เท่านี้ก่อน สำหรับ พื้นฐาน เมาคลื่น โปรดติดตามตอนต่อไป
#WaveRiders
.
รอบนี้..ใครลงทุนถือหุ้นยาว "ออมในหุ้น" หรือสายเทคนิคเก็งกำไรดูกราฟ "นับคลื่นเล็ง Wave 3 "
.
เราจะมาส่องภาพเล็ก ขยายภาพใหญ่ เสวนากัน กับ วิทยากร stock2morrow
.
การกลับมาอยู่บนเวทีเดียวกันอีกครั้งในรอบ 4 ปี ระหว่าง พี่แพท ภาววิทย์ กลิ่นประทุม Idol นักลงทุนแนวออมในหุ้น Vs. พี่ปุย ประกาศิต ทิตาราม Idol
สายเทคนิคคอล..ลงทุนหุ้นแบบไหน ให้ทำกำไรได้ในระยะยาว
.
"จะออมในหุ้น หรือ ลงทุนใน Wave 3 ?"
มาฟังแนวทางการลงทุนกันได้ !!
.
พร้อมรับคูปองเงินสดจาก S2M Cafe’ มูลค่า 150 บาท ไปใช้ฟรีได้ทุกสาขา
พบกัน 11 พ.ค. นี้ เวลา 6 โมงเย็น ถึง สองทุ่มครึ่ง
.
สองบุคลิก สองสไตล์ ในเวทีเดียวกัน
.
รับรองว่า... มันส์ !!! สำรองที่นั่งได้เลย ตอนนี้ !! ที่..
>> https://goo.gl/K6Fgpm
หลักสูตร : โต้คลื่นหุ้น จับจังหวะลงทุนแบบ Wave Riders