หุ้นโรงพยาบาลในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเทรนด์ผู้สูงอายุในอนาคต ธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มทยอยนำหุ้นมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กันเพิ่มมากขึ้น

 

หุ้นโรงพยาบาล ลาดพร้าว หรือ LPH เป็นหุ้นที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่นาน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 เปิดราคา ipo  อยู่ที่ประมาณ 5 บาท จนมาถึงปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 9 บาท

 

ราคาช่วงเข้าเทรดร้อนแรงขึ้นมา 50% ภายใน 5 เดือนแรก ในช่วงนั้น P/E ของ LPH อยู่ที่ประมาณ 33 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มโรงพยาบาลด้วยกันอยู่ที่ 40 เท่า จนถึงล่าสุดราคาอยู่ที่ 9.15 บาท (19/04/2560) ประมาณ 80% 

 

 

LPH นำเงินที่ได้จากการระดมทุน ipo ครั้งนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท นำไปจ่ายชำระหนี้ และนำไปลงทุนในด้านต่าง ๆ เช่น 200 ล้านบาท นำไปลงทุนในโรงพยาบาลที่มีกำไร

 

การปีที่ผ่านมา LPH มีข่าวในการไป M&A กับโรงพยาบาลเดชา แต่ก็ไม่สำเร็จตามแผนที่วางไว้ แต่ยังไงยังมีแผนในการที่จะไปลงทุนในโรงพยาบาลอื่น ๆ อยู่

 

 

LPH ลักษณะธุรกิจ การประกอบธุรกิจแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1) กลุ่มธุรกิจบริการด้านการแพทย์ ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (โรงพยาบาลเอกชน) โดยใช้ชื่อว่า โรงพยาบาลลาดพร้าว

 

2) ธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ ทดสอบ และวิจัยด้านอาหาร ผลิตผลการเกษตรและยา ดำเนินการโดยบจก. ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย

 

3) ธุรกิจสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์และการพัฒนาธุรกิจ ดำเนินการโดยบจก. ศูนย์บริหารจัดการธุรกิจแห่งเอเซีย เพื่อให้บริการการสนับสนุนงานทางด้านเวชสถิติ งานด้านกฎหมาย รวมถึงให้การสนับสนุนงานด้านบริหารจัดการและการพัฒนาธุรกิจ โดยให้บริการเฉพาะบริษัทและบริษัทย่อย

 

LPH ถือเป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง – เล็ก เป็นโรงพยาบาลชุมชน ก่อนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น มีชื่อเสียงด้านการดูแลรักษาแม่และเด็ก

 

มุ่งเน้นรายได้มาจากกลุ่มคนไข้ที่มีประกันสังคม เกือบถึง 50% ของรายได้ และรายได้จากลูกค้าแบบชำระเงิน และอื่น ๆ

 

แผนธุรกิจการเติบโตของ LPH

การตั้งอาคารศูนย์การแพทย์ ศูนย์พักฟื้นและดูแลดูสูงอายุ จากเดิม 5 ศูนย์เพิ่มเป็น 9 ศูนย์ และสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านต่าง ๆ รวมถึงโรงพยาบาลลาดพร้าว สาขา 2 ที่ย่านลำลูกกา และเตรียมขอมาตรการ JCI รองรับคุณภาพต่อไป

 

ขณะที่ลูกค้าชาวต่างชาติ มีสัดส่วนเพียง 5 % เท่านั้น ส่วนมากจะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือลงทุนในไทย ยังมีโอกาสขยายต่อไปได้อีก

 

ประเด็นที่น่าสนใจให้นักลงทุนติดตาม คือ AMARC ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และการเกษตรอาหาร แห่งเอเชีย เปิดมาแล้วประมาณ 10 ปี ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ถึง 97%

 

ที่มีแผนนำบริษัทลูกนี้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะเข้าช่วงต้นปีหน้านี้ อยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งอยู่ ถือได้เป็นบริษัทลูกที่อาจะขึ้นมาพระเอกรอการเติบโตต่อไปได้ ทั้งนี้กำไรของ AMARC อยู่ที่ประมาณ 10% ของกำไรทั้งหมด

 

สำหรับเรื่องรายได้และกำไรสุทธิของ LPH

รายได้เติบโต 8.5% YoY จากปี 58 อยู่ที่ 1,255 ล้านบาท ถึง 1,362 ล้านบาทในปี 59

กำไรสุทธิเติบโต 55% YoY จาก 100 ล้านบาท ไปเป็น 155 ล้านบาท ในปี 59

 

รายได้หลักมาจาก การได้รับเหมาจ่ายจากค่าประกันสังคม, คนไข้นอก, และคนไข้ในกับคนไข้ในที่มีค่าใช้จ่ายสูง

 

ประเด็นเรื่องที่จะมีการเพิ่มค่าหัวของประกันสังคม ส่งผลต่อภาพรวมของรายได้ LPH ประมาณ 3-5%

 

และรายได้อื่นๆ  ที่มาจากกองทุนส่วนบุคคลของ LPH ทั้งนี้ทางผู้บริหารมองว่าเป็นการวางเงินไว้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยให้ผู้จัดการกองทุนของกสิกรไทยเป็นทีมดูแล แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของ LPH  

 

ตามแผนการเติบโตของ LPH ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 10-15% ผู้บริหารยังคาดหวังให้ LPH เป็นหุ้นประเภท Growth stock & Dividend stock

 

เทรนด์ของสังคมผู้สูงอายุ นักลงทุนยังคงให้ premium ให้กลุ่มโรงพยาบาล 

แม้ว่าโรงพยาบาลลาดพร้าวจะยังเป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง-เล็กอยู่ แต่ดูจาก P/E ล่าสุด ที่กว่า  40 เท่า ซึ่งโมเดลการทำธุรกิจแตกต่างกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง BDMS ที่เติบโตขึ้นมาจากการ M&A หรือกับ BH ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนและชาวต่างชาติ

 

นักลงทุนควรติดตาม LPH ทั้งเรื่องของการเพิ่มศูนย์ความเป็นเลิศเป็น 9 แห่ง เพื่อเพิ่ม มาร์จิ้นของผลประกอบการ และการขยายสาขาของโรงพยาบาลลาดพร้าว รวมถึงการนำบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

 

ธุรกิจโรงพยาบาลถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่น้ำซึมบ่อทราย ดังนั้นนักลงทุนต้องพิจารณาทางด้านปัจจับพื้นฐานในแง่ของผลประกอบการให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน 

 

 

แหล่งข้อมูล : รายการ แกะรอยหุ้น Return ติดตามชมสัมภาษณ์ผู้บริหารแบบจัดหนัก จัดเต็ม ได้ในรายการ "แกะรอยหุ้น Return"  ทางสถานี money channel ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.05 – 10.00 น.

 

(หรือชมรายการย้อนหลังได้ในวันพฤหัสบดี 21.05 – 22.00 น.) และดูย้อนหลังได้ทาง youtube “stock2morrow channel” ( https://goo.gl/MTRdnf )