หุ้น Fsmart หรือโมเดลธุรกิจตู้บุญเติมที่นักลงทุนน่าจะรู้จักกันดี เป็นหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาได้ไม่นาน 3-4 ปี ราคาหุ้นถือได้ว่าเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา (Growth)
ปัจจุบัน ตู้บุญเติม มีอยู่ประมาณ 96,000 ตู้ มีลูกค้าอยู่ประมาณ 23 ล้านคน เป็นโมเดลธุรกิจตู้เติมเงินแฟรนไชส์ ตั้งเป้ามียอดขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือนในทุก ๆ บริการ และเพื่อเป็นการการันตีรายได้ให้ลูกค้าของ Fsmart ด้วย
ทั้งนี้บริษัทแผนงานในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าเพิ่มตู้บุญเติมทะลุ 170,000 ตู้ พร้อมการเติบโตของผลประกอบการปีละ 30%
ปัจจุบันบริษัทมี business partner ที่หลายหลาย ดังนี้ด้านล่างนี้
บริษัทได้ตกลงจะทำสัญญา เช่น การทำสัญญากับทาง TOT, หรือ การทำสัญญากับทางการไฟฟ้า เพื่อจะสามารถไปติดตั้งตู้เติมเงินในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ และรวมถึงพันธมิตร อื่น ๆ
Key value driver ของการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ การที่ Fsmart จะเป็นธุรกิจ Payment Platform ใหม่ อาทิ การโอนเงินเข้าบัญชี, E-money, Be Wallet, การทำประกันภัย และรวมถึงการทำ E-commerce รวมถึง House of ticket และการใช้จ่ายเพิ่มยอดของการใช้ง่ายต่อครั้งต่อตู้
ปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทมีอยู่ประมาณ 1/3 ของการใช้บริการแบบเติมเงินมือถือ กลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้าในกลุ่มนี้ถือว่ามีจำนวนไม่น้อยในการให้บริการ และยากที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้บริการเติมเงินมือถือไปเป็นแบบอื่น ๆ
ทำไม ตู้บุญเติม ถึงไม่เป็นระบบซื้อตู้ ทางด้านผู้บริหารตอบว่า เนื่องจาก บริษัทต้องการรักษาฐานลูกค้าระดับ Down-line ที่จะช่วยทำโปรโมชั่น และทำการส่งเสริมการบริการต่าง ๆ ได้ด้วย มองว่าเป็นการทำรายได้ได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า (Recurring revenue)
ประเด็นเรื่องคู่แข่งขัน เจ้าบุญทุ่มอย่าง True แต่ทางผู้บริหาร บอกว่าธุรกิจของ Fsmart มีลักษณะเป็นส่วนแบ่งรายได้, ARPU (รายได้ต่อตู้ต่อเดือน) ที่สูง อีกทั้ง ตู้เติมเงิน TRUE ยัง สามารถเติมเงินได้เฉพาะเครือข่าย True Move เท่านั้น
จึงมองว่า FSMART ยังสามารถ เดินหน้าต่อได้ และไม่ได้มองว่า True จะเป็นคู่แข่ง มองเป็นคู่ค้ามากกว่าคู่แข่ง ยังมีช่องว่างให้สามารถเติบโตไปได้อีก พร้อมๆ กับการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปัจจุบันมีตู้บุญเติมอยู่ที่หน้า 7-11 อยู่ประมาณ 7 พันสาขา
สำหรับเรื่องเม็ดเงินลงทุนในขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้ “ชิงหัวหาดก่อน” หรือใครที่สามารถไปตั้งตู้กระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ก่อนย่อมจะได้เปรียบกว่า ผู้บริหาร Fsmart มองว่าเรื่องแหล่งเงินทุน ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนหรือต้องกู้เงิน เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดในการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้ว มีกระแสเงินสดอยู่ที่ประมาณ 2-300 ล้านบาท
ข้อดีอย่างหนึ่งในการอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ยืมถูกกว่าตามท้องตลาดทั่วไป
แต่ที่น่าสนใจคือ นักลงทุนอีกหลายคนอาจจะยังไม่รู้ คือ หุ้น Fsmart มีมูลค่า Market Cap. สูงที่สุดในตลาด MAI อยู่ที่กว่า 14,000 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้บริหารยังมองว่า การที่อยู่ในตลาด MAI ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในตลาดนี้ (ค่า P/E ในตลาดนี้มักจะสูง) เนื่องจากว่า นักลงทุนยังสามารถให้ค่าพรีเมียมของการเติบโตได้อีก
นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นหลักของ Fsmart คือหุ้น Forth ที่ได้ถือหุ้นสัดส่วนที่ 45.75% และได้อยู่ในตลาด SET อยู่แล้วด้วย ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องไปสู่ตลาด SET แต่ยังไม่ได้ปิดโอกาสในก้าวขึ้นต่อไป
สิ่งที่นักลงทุนต้องเฝ้าติดตาม : ภาวะแข่งขันที่ดุเดือด ที่ผลกำไรที่ดี จะดึงคู่แข่งเข้ามาร่วมวงได้ง่ายด้วยเช่นกัน และการรักษาระยะห่างของคู่แข่ง จากที่ผ่านมาหุ้น Fsmart ถือเป็นหุ้น Growth ที่เติบโตได้ดี แต่สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป คือ อนาคตจะ Growth ได้อีกหรือไม่ เพราะว่า นักลงทุนไม่ได้ซื้ออดีต แต่ซื้ออนาคต
- ติดตามชมสัมภาษณ์ผู้บริหารแบบจัดหนัก จัดเต็ม ได้ในรายการ "แกะรอยหุ้น Return" ทางสถานี money channel ทุกวันอาทิตย์นี้ เวลา 9.05 – 10.00 น.
แหล่งข้อมูล : รายการ แกะรอยหุ้น Return
(หรือชมรายการย้อนหลังได้ในวันพฤหัสบดี 21.05 – 22.00 น.) และดูย้อนหลังได้ทาง youtube “stock2morrow channel” ( https://goo.gl/MTRdnf )