นับถอยหลักอีก 2-3 วัน ก็จะรู้แล้วว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดหรือไม่ แต่ก่อนที่ผลจะออกมา นักวิเคราะห์ได้ศึกษาข้อมูล
หุ้นที่จะได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์ หากดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นไว้ จึงรวบรวมมาฝาก มาดูกันว่ามีหุ้นกลุ่มไหน และตัวไหนบ้าง
• กลุ่มลิสซิ่ง พึ่งพาการกู้ยืม มีสัดส่วนดอกเบี้ยลอยตัวสูง
หุ้นที่น่าจะกระทบมาก คือ S11, ASK, THANI
ที่กระทบปานกลางและเล็กน้อย คือ SAWAD, AEONTS, TK, MTLS, SINGER
ที่ไม่กระทบเลย คือ GCAP
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์
NIM มีแนวโน้มดีขึ้น ที่เป็นบวกมากสุด คือ BBL, KTB
ที่ไม่ได้ประโยชน์หรืออาจเสียประโยชน์เล็กน้อย คือ SCB, KBANK
ที่จะเสียประโยชน์ คือ BAY, TMB, KKP, TISCO
• กลุ่มสื่อสาร มีการลงทุนสูง มีหนี้ที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว ที่คาดว่าจะกระทบมาก คือ DTAC, JAS ที่กระทบระดับหนึ่ง คือ THCOM ส่วน TRUE และ ADVANC กระทบน้อย
• กลุ่มสายการบิน ต้องลงทุนฝูงบิน มีภาระดอกเบี้ยค่อนข้างสูง
ที่อาจกระทบมากสุด คือ THAI มีหนี้ดอกเบี้ยลอยตัวสูง ดอกเบี้ยจ่ายสูง
รองลงมา คือ AAV
ขณะที่ BA ไม่น่ากระทบ เพราะมีเงินกู้ไม่มาก ส่วน AOT ไม่กระทบเช่นกัน เพราะมีเงินสดจากการดำเนินงานสูง
• กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่กระทบ คือ SCCC มีหนี้ดอกเบี้ยลอยตัวสูง แต่ออกหุ้นกู้มาทดแทนได้,
TPIPL กระทบไม่มาก หนี้ดอกเบี้ยลอยตัวไม่สูง,
VNG แม้มีหนี้ดอกเบี้ยลอยตัวทั้งหมด แต่ดอกเบี้ยจ่ายไม่สูง,
TASCO กระทบจำกัด,
DRT กระทบบ้าง,
DCC มีหนี้ดอกเบี้ยลอยตัวสูง แต่ดอกเบี้ยต่อปีไม่มาก,
SCC ดอกเบี้ยลอยตัวต่ำ ไม่น่ากังวล
• กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีหนี้ที่กู้มาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนใหญ่จึงเป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยลอยตัว
ที่อาจกระทบมากสุด คือ ITD
รองลงมา คือ CK
ตามด้วย TTCL, UNIQ และ NWR กระทบไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้
• กลุ่มประกันชีวิต ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น อัตราคิดลด( Discount Rate) เพิ่มขึ้น ทำให้ภาระสำรองเบี้ยฯ ลดลง มีโอกาสโอนกลับเงินกันสำรองเบี้ยคงเหลือได้,
กลุ่มเหล็กและกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก ฐานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องส่วนเกินสูง มีหนี้ดอกเบี้ยลอยตัวน้อย
• กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีก
ถึงมีการลงทุน แต่เป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูง จึงไม่จำเป็นต้องกู้มาก,
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หนี้เป็นหุ้นกู้ จึงกระทบน้อย
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : บทวิเคราะห์ Asiaplus