เราจะเจอ ""ต้มยำกุ้ง crisis" อีกรอบ? ไปเจอมิตรสหาย ที่มองลบมากๆ มองว่า เศรษฐกิจไทยเร็วๆนี้ จะแย่แบบ
"วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540"
ด้วยเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ ผสมไสยศาสตร์
ทางวิทย์... มองว่าเศรษฐกิจไทยแย่มากๆ มันต้องแย่ๆๆๆ
ทางไสย...มองว่ารอบ 20 ปีกลับมา ต้องเจ๊งอีกรอบ ดาวมฤตยูเคลื่อนย้ายบดบังดาวมยุรี ... สรุปคือ ทำไมไม่รู้ แต่กรูรู้สึกมีพลังงานบางอย่าง
.
.
เอาจริงๆนะ
"ผมขอเลือก...ไม่เชื่อ"
ผมเคยผ่านยุค 2540 ...
ปีนั้น ผมทำงานแล้ว อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นแล้ว เห็นบริษัทปิดต่อหน้าต่อตา เห็นคนตกงานรับซองขาวหลายที่ รับรู้ความเป็นไปของความ Shipหายแบบสามมิติ
.
.
===================================
ประเทศไทยปี 2560 นั่น มีความต่างกับปี 2540 แบบมากมาย
===================================
เอาเร็วๆที่นึกออกคือ
.
.
1. ปี 40 อสังหาฯพัง
เกิดฟองสบู่อสังหาฯแบบจริงจัง การก่อสร้างอาคารไม่เสร็จมีเต็มเมือง บริษัทอสังหาฯบุ๊ครายได้ 100% เมื่อจอง ถึงเวลาโอนลูกค้าไม่มีปัญญาโอน ก็ต้องทำรายการตัดรายได้กลับ บริษัทอสังหาฯใหญ่ๆขาดทุนแทบทุกแห่ง บ้านที่สร้างก็ขายไม่ได้ (กู้แบงค์ยากมากกกก ดอกสูงมากกกก) สต็อคบ้านเหลือบานเบอะ เป็นที่มาของแคมเปญ "บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย" อันลือลั่นในยุคนั้น
"บ้าน ไม่ได้เห็น อย่าซื้อ"
.
.
ปี 60 บริษัทอสังหาฯใหญ่ๆล้วนเข้มแข็ง มีกำไรสะสมหนา มีกำไรสุทธิ ตึกสร้างแล้วทำเสร็จ ไม่มีเคสที่คนจ่ายเงินผ่อนดาวน์แล้วตึกร้าง. ไม่มีใครล้ม ... ทุกคนปรับตัว เศรษฐกิจชลอก็ชลอออกโครงการใหม่ ปีนี้ก็กลับมาลุยเปิดอีก ตามโครงการรถไฟฟ้าสารพัดสี
มาตรฐานบัญชีอสังหาก็ต้องบุ๊ครายได้เมื่อโอน ในเชิงงบก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพรซ์ ตึกคอนโดที่สร้างโดย Big Developer ไม่มีที่ไหนสร้างไม่เสร็จ แล้วค้างกลางทาง
.
.
.
.
2. ปี 40 แบงค์ล้ม
สมัยนั้น แบงค์ล้มมากมาย ลองนึกถึงชื่อธนาคารที่เคยได้ยินสมัยผมเด็กๆ ตอนนี้หายไป เช่น ธ.นครหลวงไทย ธ.ไทยทนุ ธ.มหานคร ธ.เอเชีย ธ.กรุงเทพพาณิชย์การ ธ.สหธนาคาร ฯลฯ ไหนจะบริษัทไฟแนนซ์ที่ปิดไปอีก 53 แห่ง ... ขนาดแบงค์ยังขาดสภาพคล่อง ธุรกิจก็โดนบีบ ไม่ปล่อยเงินกู้เพิ่ม ก็ขาดสภาพคล่องไปด้วย สุดท้ายล้ม แล้วก็ยึดทรัพย์จำนองกันมา ทั้งโครงการหมู่บ้าน โรงงานขนาดใหญ่ ฯลฯ
ยึดมาแล้ว... ขายทอดตลาดในราคาถูกๆในอีกไม่กี่ปีต่อมา เป็นที่มาของมหากาพย์คดีปรส.
.
.
ปี 60 แบงค์ไทยเข้มแข็งมาก กำไรดี
ดอกฝากต่ำ 1% ... ดอกกู้ 7%
แถมปล่อยกู้ยาก (มีความระมัดระวังในการปล่อยกู้สูงมากกกก) NPL อยู่ในระดับที่คุมได้ แบงค์ใหญ่แบงค์กลางไม่มีใครเสี่ยงล้มเลย หลายๆรายกำไรหนามาก
.
.
_________
.
.
3. ปี 40 คนไทยขาดเงินสดหนักมาก
ปีนั้น cash is king ของจริง ...ทุกคนต้องการเงินสดไปหล่อเลี้ยงธุรกิจ ดอกเบี้ยเงินฝากสูงที่สุดในชีวิตที่เคยเห็นคือ ดอกฝาก14% !!!
คุณคิดดูว่าธุรกิจจะไปรอดได้ยังไง ดอกกู้สิบ %ปลายๆ
ทั้งที่ตอนนั้นเศรษฐีไทยมีสมบัติเหลือเฟือ แต่ไร้เงินสด นักธุรกิจแทบทุกคนประสบปัญหาทางการเงิน ลามมาถึงชนชั้นกลาง ที่รับจ่ายเงินเดือนตามสินค้าของบริษัทที่ตนเองทำงาน
- ทำงานโรงงานเสื้อยืด...จ่ายค่าจ้างเป็นเสื่อยืด นี่ลงไทยรัฐมาแล้ว
- บริษัทเลย์ออฟคน ... ลูกน้องเอาปืนมายิงผู้จัดการด้วยความโกรธ นี่ลงไทยรัฐมาแล้ว
.
คนจำนวนมากจึงนำสมบัติ มาขายถูกๆ ขนของลงท้ายรถ ขับรถจากบ้าน มาเปิดท้ายขายของ
.
ยุคนั้น ตลาดที่ผมเดินประจำคือ ตลาดเปิดท้ายขายของหน้าห้างเยาฮัน ปัจจุบันคือ อาคารฟอร์จูน ติดรถไฟฟ้า MRT พระรามเก้า
.
เป็นที่มาของตลาดเปิดท้ายขายของ มรดกประวัติศาสตร์นี้ ตลาดบางแห่งกลายเป็นแหล่งค้าขายทำเลดีถึงปัจจุบัน เช่น ตลาดตะวันนา
.
.
ปี 60 คนไทยจำนวนมากมีเงินสดเยอะแยะครับ
ไม่เชื่อคุณลองฝากเงินสดซัก 2 ล้าน แล้วปีใหม่เดินไปขอของขวัญ ขอปฏิทิน จากแบงค์ดูซิครับ ... จะพบว่า สาวแบงค์ไม่ได้ทรีทคุณพิเศษเลยแม้แต่น้อย คนมีบัญชีเงินฝากเป็นล้านไม่ได้พาวเวอร์ฟูลเลยยยยย
(แต่ลองบอกจะมาซื้อประกันดูซิ...แฮ่มมม)
.
ยุคนี้เงินยังล้นระบบอยู่ หากมีวิกฤต ราคา asset ต้องตกลงมากๆ คนมีเงินสดจะมาซื้อ ... แต่มันยังไม่ลงมาเลยครับ ปีที่แล้ว ช่วงตกใจมากๆ หุ้นลง ลงแป๊บบบเดียว แรงซื้อเข้ามาอย่างเยอะ
.
ราคาที่ดิน ก็แพงขึ้นๆ ... ราคาพระเครื่องก็แพงขึ้นๆ...ราคาจิวเวอรี่ก็แพงขึ้นๆ...ราคาธุรกิจที่มีการเจรจา ก็แพงอยู่ ไม่มีใครมาขาย asset กันราคาถูกๆ
.
.
ด้วย 3 เหตุผลหลัก อสังหาฯ แบงค์ และภาวะเงินสดล้น
>>> สนใจคอร์ส..เร็วๆนี้ "ติวหุ้นรวยด้วย VI" วิทยากร นิ้วโป้ง Fundamental VI <<<
คลิก...https://www.stock2morrow.com/course/seminar_courses_list.php?id=3