ช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ และดัชนีดาวโจนส์ก็ทำจุดสูงสุดท่ามกลางความมีนงงของนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ที่นักวิเคราะห์ต่างเสียงแตกกันว่า จะเป็น good Trump หรือ bad Trump กันแน่ แต่ตลาดหุ้นก็ยังมองในแง่บวกว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในประเทศของเรา
 

ตลาดหุ้นเป็นกระทิงตัวใหญ่ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเติบโต เพราะหุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นราคาที่แพงกันเกือบหมดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนควรจะหันมามองหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำและปันผลสูง น่าจะเป็นทางเรื่องที่ดีกว่า ในอดีตที่ผ่านมามันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว และปันผลก็จะเพิ่มขึ้นด้วยตามตลาดหุ้นที่เป็นขาขึ้น สำหรับคนบางคนอาจจะไม่ถนัดในการเรื่องหุ้น การมองหากองทุนที่ปันผลดีก็เป็นงานที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือสมัครเล่น 

วอเร็น บัฟเฟตต์บอกไว้ว่า นักลงทุนมือสมัครเล่นที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตลาดหุ้น ควรซื้อกองทุนอิงดัชนีที่มีค่าบริหารต่ำ ประโยคนี้ผมเห็นด้วยอย่างที่สุด และวันนี้ผมได้คัดเลือก 2 กองทุนที่มีชื่อเสียงมาวิเคราะห์กันว่า นักลงทุนควรเลือกลงทุนในกองทุนไหนกันแน่ กองทุนที่ผมนำมาเลือกนั้น คือ Vanguard High Dividend Yield ETF และกองทุน SPDR S&P Dividend ETF เรามาดูว่ากองทุนไหนเหมาะสำหรับคุณ

Vanguard High Dividend Yield ETF

กองทุน Vanguard High Dividend Yield เป็นกองทุนติดอันดับที่ปันผลเด่นมาอย่างยาวนาน ประกอบไปด้วยหุ้นทั้งหมด 412 ตัว และแต่ละตัวจ่ายปันผลสูงๆทั้งนั้น แต่ว่าในกองทุนนั้นไม่มีกองทุนที่เป็น REITs เลย ในอดีตที่ผ่านมา กองทุนปันผลปีละ 2.9%  และนี้เป็นตัวหุ้น 10 อันดับแรกที่บริษัทถือครับ

Top 10 หลักทรัพย์ที่ถือครองโดย Vanguard Divident yield (เครดิตภาพ https://www.fool.com/investing/)
 

มูลค่าของกองทุนนี้สูงถึง $24.3 billion มีการเก็บค่าธรรมเนียมของทุนแค่ 0.09% และโดยเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังให้ผลตอบแทนปีละ 7.14%

The SPDR S&P Dividend ETF

กองทุน SPDR S&P Dividend เป็นกองทุนที่คัดเลือกหุ้นมาจากดัชนี S&P Composite ที่มีหุ้นให้เลือกมากถึง 1500 ตัว คัดเลือกมาเพียงแค่ 112 ตัว ที่ปันผลสูง

อย่างที่บอกไปครับ กองทุนนี้ประกอบไปด้วยหุ้น 112 ตัว ซึ่งน้อยกว่ากองทุนก่อนหน้านั้นถึง 1 ใน 4 และจ่ายปันผลให้ 3.5% ต่อปี สิ่งที่น่าสนใจ คือ กองทุนนี้มีการกระจายหุ้นที่เหมาะสมคือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ถ้าเราดูที่ตาราง 10 อันดับแรก ไม่มีหุ้นตัวไหนเลยที่กองทุนนี้ถือสัดส่วนเกินกว่า 1.9%

Top 10 หลักทรัพย์ที่ถือครองโดย SPDR Divident yield (เครดิตภาพ https://www.fool.com/investing/)

มูลค่าของกองทุนสูงเพียงแค่ $15 billion และเก็บค่าบริหารกองทุน 0.35% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กองทุนนี้ให้ผลตอบแทน 7.74% โดยเฉลี่ย

สรุปความแตกต่างระหว่าง 2 กองทุน

- ค่าธรรมเนียมของกองทุน Vanguard High Dividend Yield  เก็บแค่ 0.09% ซึ่งถูกกว่ากองทุน SPDR S&P Dividend ถึง 1.4 เท่า

- 10 สินทรัพย์ทีถือมากสุดเป็นอันดับแรกของกองทุน SPDR S&P Dividend ส่วนใหญ่แล้วจะประกอบไปด้วยกอง REITs ซึ่งกอง REITs เป็นสินทรัพย์ที่เน้นการปันผลอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเห็นว่าได้กองทุน SPDR S&P ปันผลมากกว่ากองทุน Vanguard High Dividend Yield ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นมากกว่ากอง REITs
    
- กองทุน SPDR S&P Dividend มีจำนวนหุ้นน้อยกว่า Vanguard High Dividend ดังนั้นความเหวี่ยงของ NAV ของกองทุนจึงน้อยกว่า Vanguard เช่น การร่วงลงอย่างหนักของหุ้น Microsoft หรือ Exxonmobil จะมีผลกระทบกับหน่วยลงทุนของ Vanguard มากกว่าการร่วงอย่างหนังของ AT&T หรือ Old Republic เพราะถือสัดส่วนน้อยกว่า
    
- กองทุน Vanguard High Dividend  เปิดดำเนินงานมาอย่างยาวนาน มีผลประวัติการปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่กองทุน SPDR S&P Dividend ยังต้องมีการทดสอบอีกอย่างน้อย 20 ปี ว่าผลประกอบการจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม กองทุน Vanguard เป็นกองทุนที่มีชื่อเสียงและเปิดมานานมากแล้ว มันจึงเป็นกองทุน Holding ที่ใหญ่ที่สุด
    
กองทุนแบบไหนเหมาะกับคุณ

ทั้งนี้ขึ้นกับสไตล์ของแต่ละคน สำหรับคนสนใจ SPDR เพราะมีปันผลที่เยอะกว่า และสไตล์ความชอบความผันผวนที่ต่ำ กอง REITs ที่ SPDR ถือส่วนใหญ่มักจะไม่เหวี่ยงแรงมาก เป็นโอกาสให้ได้ซื้อสะสมมันไปเรื่อยๆ กอง SPDR เป็นระยะเวลานาน การปันผลน่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม กองทุน Vanguard ก็เป็นกองทุนที่น่าสนใจเพราะค่าบริหารที่ต่ำ และกองทุนนี้ก็เปิดดำเนินงานมาอย่างยาวนานจึงมีความน่าเชื่อถือได้มากกว่า 


--------------------------------------------------------------------
ผู้เขียนบทความ Matthew Frankel
แปลและสรุป โดย SiTh LoRd PaCk

ที่มา : https://www.fool.com/investing
เครดิตภาพ SPDR. Dividend yields are current as of 2/6/17 และ Vanguard. Dividend yields are current as of 2/6/17