#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

ไขรหัสการวิเคราะห์หุ้นธนาคาร

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
90 views

หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ต้องยอมรับว่ากลุ่มธุรกิจธนาคารมีผลต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งทุนสำคัญของธุรกิจต่างๆ และมีมูลค่า Market Cap. สูงเป็นอันดับต้น ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ดังนั้นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถือได้ว่าเป็นกลุ่มจับตาของนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

 

 

การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์ ตัวแปรที่สำคัญ คือ อัตราการเติบโตของสินเชื่อ เนื่องจากสามารถในการเติบโตจะบอกถึงผลกำไรของธนาคารที่มากขึ้นได้ โดยปกติแล้วการเติบโตของยอดสินเชื่อควรจะมากกว่าหรือเท่ากับอัตราการเติบโตของ GDP ของประเทศ 

 

แหล่งรายได้หลักของธนาคาร คือ การปล่อยกู้สินเชื่อ โดยมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับการปล่อยสินเชื่อเป็นส่วนของกำไร

ปกติธนาคารมักจะแบ่งพอร์ตของวงเงินสินเชื่อได้ ดังนี้

- ลูกค้ารายใหญ่

- ลูกค้า SME

- ลูกค้ารายย่อย

 

นอกจากนั้น ยังมีรายได้อื่น ๆ อีก เช่น ค่าธรรมเนียมบริการ ค่าให้คำปรึกษา การลงทุน และมีบริษัทลูกในเครือไว้บริการธุรกิจด้านต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์, บลจ. หรือบริษัทประกันภัยประกันชีวิต เป็นต้น

 

- ธนาคารขนาดใหญ่ มักจะมีเครื่องไม้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ  ไว้ให้บริการลูกค้าได้หลากหลาย

 

- ส่วนธนาคารขนาดกลาง-เล็ก มักจะเป็นธนาคารที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น ๆ เช่น ด้านเช่าซื้อรถยนต์ ด้านการปล่อยสินเชื่อบ้านหรือบัตรเครดิต เป็นต้น

 

ธนาคารขนาดเล็กจะมีข้อจำกัดในเรื่องของต้นทุนทางการเงินที่เสียเปรียบธนาคารใหญ่ ๆ เพราะธนาคารเหล่านี้ต้องจูงใจลูกค้าด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่นั้นเอง

 

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ หรือ Net Interest Margin (NIM)

เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสามารถในการทำกำไรของธนาคารได้ กล่าวคือ กำไรส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายของธนาคาร ซึ่งการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารต้องให้ความสำคัญกับอัตราส่วนนี้เช่นกัน

 

ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio หน่วย %)

 

หากตัวเลขนี้มากกว่า 100% อาจสะท้อนถึงความอนุรักษ์นิยม (conservative) ของธนาคาร เพราะ ผู้บริหารอาจต้องการปิดความเสี่ยงที่จะต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นในอนาคตอีก 

ดังนั้นธนาคารที่มีสัดส่วนนี้สูงอาจแสดงถึงความระมัดระวังในการบริหารงาน มากกว่าธนาคารที่มีอัตราส่วนนี้ต่ำ

 

หนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL (Non-Performing Loan)

หนี้ NPL ค่อนข้างจะคุ้นหูเป็นที่รู้จักของสาธารณชน เป็นสินเชื่อที่ไม่สามารถเรียกคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยได้ ซึ่งปกติแล้วอัตรา NPL ต่อสินทรัพย์รวมประมานไม่เกิน 2-4% ดังนั้นค่านี้มียิ่งน้อยจะยิ่งดี หากมีค่ามากแสดงว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น

 

ปัจจุบันนี้ธุรกิจธนาคาร นอกจากรายได้หลักจากดอกเบี้ยของวงเงินเงินเชื่อ ธนาคารยังให้ความสำคัญรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไรที่สูงกว่าสินเชื่อ และช่วยเรื่องลดความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ด้วย

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ณ ปัจจุบันนี้กำหนดไว้อยู่ที่ 1.50 % หากมีการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบาย อาจจะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของแต่ละธนาคารได้

รวมถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ตามหลักสากลของระบบธนาคารโลก เช่น Basel 1-3, การตั้งสำรองเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เป็นต้น 

 

 

หมายเหตุ : งบการเงิน 2559 (เป็นงบการเงินก่อนตรวจทาน) ตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินอ้างอิง ณ วันที่ 23/01/60

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : SET 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง