#ลงทุนแนวเทคนิคอล

เล่นหุ้นด้วย Technical ดู P/E Ratio ไหม?

โดย ประกาศิต ทิตาราม , CEWA
เผยแพร่:
252 views

P คือ Price คือราคา ณ ปัจจุบันที่เราเห็น ในการคำนวณ มักจะนำ ราคาปิด Close Price มาใช้

E คือ Earnings per Share หรือกำไรต่อหุ้น นั่นเอง ซึ่งจะได้ตัวเลขนี้ ทุกครั้งที่มีการประกาศผลประกอบการของกิจการในทุกๆ Quarter 

 

     ราคาหุ้น วิ่งด้วยความคาดหวังของนักลงทุนในตลาด ซึ่งตอบสนองต่อความคาดหวังต่อกิจการในอนาคตของนักลงทุน ถ้าซื้อหุ้นไปราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ ก็แสดงว่า นักลงทุนยังต้องการ และมองความคาดหวังในไปในอนาคต

 

      P/E Ratio เกิดจากการนำ ราคาปัจจุบัน (P) หารด้วย กำไรต่อหุ้น (EPS) ซึ่ง EPS จะใช้ล่าสุดตามประกาศผลประกอบการแต่ละ Quarter ก็หมายความว่า P/E Ratio ที่เราเห็นมันเป็นสัดส่วนของราคาปัจจุบัน ต่อผลกำไรของกิจการในหลายเดือนที่ผ่านมา แล้วอย่างนี้ จะเอามาดูอะไรได้ เช่น วันนี้เป็นวันที่ 20 ธันวาคม P/E ที่เราเห็นแสดงสัดส่วนของราคาวันนี้ เทียบกับผลประกอบการถึงวันที่ 30 กันยายน (ประกาศงบ Q3) 

 

      ดังนั้นค่า P/E Ratio ที่เราเห็นกัน จึงไม่ได้ตอบอนาคตของกิจการเลย ถ้าราคาเพิ่มขึ้นทุกวัน P/E Ratio ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะตัวหาร EPS ยังเป็นตัวเดิมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประกาศผลประกอบการรอบถัดไป ถ้าประกาศผลประกอบการรอบถัดไป EPS เพิ่มขึ้น ตัวหารมากขึ้น P/E Ratio ก็จะลดลงทันที แต่ราคามีความคาดหวังขึ้นไปรอแล้ว ราคาจะขึ้นหรือลงหลังจากประกาศผลประกอบการ ไม่ได้อยู่ที่ P/E Ratio เป็นเท่าไหร่ หรือ EPS กำไรของกิจการเป็นเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ผลกำไร ออกมามากกว่า หรือน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดหวัง 

 

        ให้ดูตัวอย่าง KTC ช่วงปี 2554-2555 จะเห็นว่าผลประกอบการของ ปี 2554 ขาดทุน EPS ติดลบ ทำให้ P/E Ratio คำนวณไม่ได้ หรือเป็นศูนย์ นั่นเอง แล้วกิจการก็เริ่มมีกำไรกลับมาในปี 2556 และ 2557

 


ถ้าดูราคาหุ้นช่วงปี 2554-2555 จากกราฟจะเห็นว่า ราคาช่วง มกราคม-กุมภาพันธ์ 2555

          ราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ภาพกราฟด้านล่างบริเวณด้านซ้าย) 
          P/E Ratio ก็ยังขึ้นต่อเนื่องเพราะใช้ EPS ในอดีตมาคำนวณในขณะที่ยังไม่มีการประกาศผลประกอบการออกมา เมื่อมีการประกาศผลประกอบการออกมา ในวันที่ 1 มีนาคม 2555 จะเห็นว่า P/E Ratio กลายเป็น ศูนย์ ไปเลยจาก EPS ติดลบขาดทุน แต่ราคายังขึ้นต่อ จาก 18 บาทไป 22 บาท ก็แสดงให้เห็นชัดว่าราคาที่ขึ้นไปนั้น ไปด้วยความคาดหวัง หรือข่าวดีที่ออกมาจะไม่ใช่การเติบโตของมูลค่ากิจการในระยะยาวแน่นอน

 


 ในที่สุดราคาก็ถอยลงจากการขายทำกำไร ราคาถอยลงมาจนถึงกลางเดือนมิถุนายน ราคาหยุดลง และราคาค่อยๆ ยกตัวขึ้น แม้ประกาศผล Q1/2555 และ Q2/2555 EPS ยังติดลบ P/E Ratio ยังเป็นศูนย์ แต่ราคาหุ้นก็ยังขึ้นไปด้วยความคาดหวัง จนไปถึง 32 บาทในเดือนพฤศจิกายน (ด้านขวาของกราฟ) ประกาศผล Q3/2555 EPS ก็ยังติดลบ P/E Ratio ยังเป็นศูนย์ แน่นอนว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มไม่สมหวัง ขายทำกำไรออกมาราคาลงมาที่ 25 บาท


          ในช่วงเวลาเดือนธันวาคม 2555 ถึง กุมภาพันธ์ 2556 (กราฟด้านล่าง) ก็มีข้อมูลใหม่เข้ามาให้นักลงทุน หรือข่าวดีนั่นล่ะ ว่าภายในปี 2555 ผลประกอบการจะกลับมามีกำไร และจะมีอย่างนั้น มีอย่างนี้เกิดขึ้นในปี 2556 ราคาหุ้นก็ถูกไล่ซื้อด้วยความคาดหวังขึ้นจาก 25 บาทไปถึง 50 บาท ราคาวิ่งนำหน้าไปอีกแล้ว จนประกาศผล Q4/2555 ออกมา EPS +0.99 บาทต่อหุ้น P/E Ratio กลายเป็น 43.73 ทันที 

         นักลงทุนก็ตอบรับทันที ด้วยการเทขายออกมา แล้วปี 2556 ทั้งปีราคาก็เหวี่ยงขึ้นลงๆ ในกรอบราคาระหว่าง 31 บาท กับ 48 บาท ส่วน P/E Ratio ก็ปรับลดลง ทุกครั้งที่มีการประกาศผลประกอบการ เพราะกำไรต่อหุ้น EPS เพิ่มขึ้นในทุกๆ Quarter จนประกาศผล Q2/2556 ในเดือนสิงหาคม 2556 P/E Ratio กลายเป็น 9.88 และกลายเป็น 6 กว่าในเดือนธันวาคม 2556

 


จากที่อธิบายมาทั้งหมด จะเห็นแล้วว่า ราคาหุ้นจะตอบสนองข่าวดีแล้วความคาดหวังในอนาคต แต่ P/E Ratio จะปรับตัวตามผลประกอบการจริงที่ผ่านมาแล้วในอดีต 

 

        การดูว่า P/E Ratio ตอนนี้สูงมากแล้วไม่น่าซื้อ เพราะราคามัน Overvalue อาจจะเป็นจริงในแง่ของการซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว แต่การใช้เทคนิคอลในการเก็งกำไรระยะสั้น P/E Ratio ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในทางกลับกัน P/E Ratio แค่ 12-14 เท่าเอง ในช่วงต้นปี 2555 ของ KTC ที่ราคาก็ยังต่ำ และมีแนวโน้มจะวิ่งขึ้น ก็ไม่ได้บอกว่า ผลประกอบการจะออกมาเป็นอย่างไร 

 

         การดู P/E Ratio เพียงขณะใดขณะหนึ่งจึงได้ประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจน้อยมาก เพราะถ้าจะนำมาประกอบในการพิจารณาร่วมกับกราฟเทคนิคอลแล้ว ต้องดูการเปลี่ยนแปลงของ P/E Ratio ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง 

 

          ในการลงทุนที่จะซื้อถือหุ้น Run Trend เราจะใช้กราฟในการมองหา กิจการที่มีพื้นฐานดี พร้อมจะเติบโตในอนาคต และมีราคาที่กำลังพักตัวออกข้าง วิ่งอยู่ในกรอบและพร้อมที่จะขยับวิ่ง Break Out ให้เราเข้าซื้อได้ตั้งแต่ต้น Trend 

 

           ดังนั้นถ้าเราพบว่า ราคาหุ้นออกข้างไปไปไหนนานๆ แล้วพบว่า P/E Ratio ลดลงในทุกครั้งที่มีการประกาศผลประกอบการ แสดงว่า กิจการมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุก Quarter แต่ราคายังไม่ไปไหนคือยังไม่มีใครให้ความสนใจ 


          ฮึๆๆ นี่มันเหมือนยิ่งกว่าเจอเพชรในโคลน อีก จะใช้ P/E Ratio กับเทคนิคอล ก็ให้มันเป็น ใช้แบบนี้  ... จะได้ รวย 5 เด้ง ...


เครดิตจาก : Wave Riders Pui

 

>>> แกะงบลงทุน เลือกหุ้นแบบ WaveRiders <<<

 

 

การลงทุนในหุ้น เพื่อถือลงทุน มีทั้งที่ลงทุนเพื่อรับเงินปันผล และลงทุนเพื่อการเติบโตของ กิจการ การเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี จึงมีความสำคัญมาก และการใช้กราฟเทคนิคอลมาจับจังหวะใน การซื้อขาย ก็จะช่วยให้สามารถได้ลงทุนในหุ้นที่ ทั้งมีพื้นฐานดี และมีจุดซื้อขายที่ได้เปรียบในการลงทุน

 

+ การลงทุนในหุ้น ระยะกลางถึงระยะยาว ควรจัดพอร์ทการลงทุนอย่างไร

+ งบการเงินของกิจการ และรายงาน 56-1 บอกอะไรได้บ้าง

+ Factsheet ดูให้เป็น ดูยังไง

+ ปัจจัยพิเศษในการพิจารณากิจการ ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม

+ การประเมินความเสี่ยงของกิจการ จากรายงานผลประกอบการ

+ การเลือกหุ้น ด้วย N.E.M.O. technics

+ การให้คะแนน หุ้นพื้นฐานดี กราฟสวย ทำอย่างไร

+ WorkShop การเปรียบเทียบ งบการเงิน ช่วยในการคัดเลือกหุ้น

ระยะเวลา : 2 วัน

ผู้เรียน : ผู้ที่สนใจเลือกหุ้นลงทุนโดยดูปัจจัยพื้นฐาน ผสานกับกราฟเทคนิค

ดูรายละเอียดได้ ที่   https://goo.gl/Q7WBKl

 

 


เจ้าของหนังสือ Best Seller “โต้คลื่นหุ้น รู้ทันเทคนิค" ในนามปากกาว่า Wave Riders  หรือ “ครูปุย” ของลูกศิษย์จำนวนมาก ที่เคยผ่านคอร์ส “เทคนิคอล” คอร์สยอดฮิต ที่เต็มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดจอง โดยสถิติล่าสุด คือ เต็มภายใน “ครึ่งชั่วโมง”  แถมหลายคน ยังต้องจองที่นั่งข้ามปี เพื่อให้ได้เรียนกันเลยทีเดียว จึงมีลูกศิษย์จำนวนมาก จนยกย่อง อ.ปุย ว่าเป็น 1 ในบุคคลที่เปลี่ยนชีวิตการลงทุนของพวกเขาไปเลย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง