#วางแผนการเงิน

เปลี่ยนออมทรัพย์เป็นออมในหุ้น(ธนาคาร)

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
164 views

          เก็บเล็กผสมน้อยหยอดกระปุกออมสินเพื่อออมเงิน เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ จนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับวินัยของแต่ละคน ทำไมต้องออมเงินในหุ้นด้วยล่ะ เป็นคำถามที่เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว คงไม่มีคำถามนี้ เนื่องจากออมเงินในธนาคารก็ได้ดอกเบี้ยประมาณ 10% อยู่แล้ว 

           แต่พอมาถึงยุคสมัยนี้ ฝากออมทรัพย์ในธนาคารกลับได้ดอกเบี้ยไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ดังนั้นเช่นนี้จึงควรนำเงินของคุณไปวางในที่เหมาะสมที่สร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้น อิงอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกันนะ

การออมในหุ้นเป็นแนวคิดที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ ทั้งมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่มีรายได้ไม่ประจำก็ตาม เพื่อว่าจะช่วยให้ทุกคนมีเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ แบบมี passive income 

อย่าไปคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีสวัสดิการเลี้ยงดูได้เพียงพอ หรือพึ่งพาลูกหลานว่าจะมาเลี้ยงดู เพราะแค่ลำพังตัวเขาเองอาจจะยังเอาตัวไม่รอดเลยก็ได้ ฮาๆๆ

 การลงทุนในระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป เงินปันผลจากการออมในหุ้นนี้แหละ ที่คุณได้เก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน อาจจะสามารถให้ผลตอบแทนได้มากกว่าเงินเดือนหรือมากกว่ารายจ่ายของคุณก็เป็นได้ 

พอถึงจุดนั้น...แล้วเมื่อไหร่ คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ เนื่องจากว่าเงินปันผลเปรียบเสมือนมี passive income อย่างหนึ่งนั้นเอง

ความเสี่ยงของหุ้นล่ะ ใครๆ ก็บอกหุ้นมันเสี่ยง แล้วถ้าเกิดบริษัทมันเจ๊งขึ้นมาล่ะ ?

แน่นอนว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าคุณรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน แต่บริษัทที่จดทะเบียนเข้ามาในตลาดหุ้นได้ ย่อมแสดงว่าคัดกรองมาแล้วขั้นหนึ่ง บางทีอาจจะมีความมั่นคงมากกว่าบริษัทที่คุณทำอยู่เองด้วยก็ได้ 

แต่ยังไงก็ดี สุดท้ายแล้วตัวคุณก็ต้องคัดสรรเลือกหุ้นด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นหุ้นที่พื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต และมีปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นแนวคิดออมในหุ้นนี้ จึงมองข้ามผ่านเรื่องความผันผวนของราคาหุ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไป แล้วเปลี่ยนเป็นโฟกัสที่เงินปันผล ช่วยทำให้เรามีแนวความคิดที่เหมือนกับเจ้าของกิจการ เพราะเจ้าของบริษัทเขามักไม่คิดขายธุรกิจตนเอง เขาย่อมไม่อยากขายหุ้น แล้วถือหุ้นเพื่อรับปันผล เหมือนคนออมในหุ้นนั้นแหละ

ณ ที่นี้เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอยกตัวอย่างการออมในหุ้นกลุ่มธนาคารเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับฝากเงินธนาคารซึ่งดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่ถึง 1 % แต่ยังไงก็ตามยังมีหุ้นตัวอื่น ๆ ที่ปันผลสูงเช่นกัน เช่น กลุ่ม SETHD, หรือหุ้นกองอสังหาฯ เป็นต้น ระดับความเสี่ยงก็แตกต่างกันไป

จากรูปกราฟ อัตราผลตอบแทนเงินปันเฉลี่ย 5 ปีล่าสุด ของหุ้นในกลุ่มธนาคาร อยู่ที่ประมาณ 3% คุณจะได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์กับธนาคาร

แต่หากเลือกออมในหุ้นธนาคารบางตัว ซึ่งมีหุ้นธนาคารที่ปันผลสูงมากกว่า 4 %  เช่น KKP, TISCO, TCAP, KTB ตามลำดับ (ยังไม่ได้รวมส่วนต่างของราคาหุ้น) หรือหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ปันผลกว่า 2-3% เช่น BBL, SCB, KBANK

เริ่มเข้าใจกันแล้วว่า การออมเงินในหุ้น คือ ซื้อหุ้นปันผลดี แล้วถือระยะยาว ไม่คิดว่าจะรีบขายหุ้นเร็วๆ เช่น มีหุ้นอย่างน้อยสัก 5-10 ตัว แล้วซื้อเพิ่มเรื่อย ๆ อย่างน้อย 5-10 ปีขึ้นไป

ห้ามเพิ่งรีบขาย ควรซื้อหุ้นแบบฝากเงินออมทรัพย์ในธนาคาร เพียงแต่สลับเป็นออมในหุ้น(ธนาคาร) แทน สิ่งที่ยาก คุณต้องเริ่มลงมือ อดทน และมีวินัยในการลงทุน

 

 

สุดท้ายแล้วคุณต้องทำการบ้านทบทวนการลงทุน สามารถที่จะจดรายชื่อหุ้นไว้ศึกษา (stock watch list) แล้วหาจังหวะช่วงตลาดหุ้นปรับฐาน อ่านรอบหุ้นรายตัว สิ่งเหล่านี้เอง คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ไม่ยาก 

ลองคิดดี ๆ ว่างานที่คุณทำอยู่ทั้งชีวิตนี้ หากคุณยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หรือพอเกษียณแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ? 

แต่ว่าการออมในหุ้นนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี แม้ว่าสุดท้ายแล้วถึงจะไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แต่หลังเกษียณแล้วน่าจะช่วยให้คุณมีเงินเก็บไว้ใช้ได้เพียงพอก็พอใจแล้วนะ (พอเพียง = พอดี)

เรียบเรียงโดย Freedom VI

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : SET, หนังสือออมในหุ้น ของคุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม

 

 

 

 

 

และสั่งจองหนังสือ

คลิกได้ที่ : http://www.stock2morrow.com/publishing/bookdetail.php?id=46 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง