เพื่อนๆ หลายคนเรียนเทคนิคอลมามาก เรียนกันมาหลายสำนัก แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันใช่สักที มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ อาจจะเป็นเหตุผลของใครหลายๆ คน ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่สังคมไทยเป็นกันเยอะ คือ
มักจะเชื่อว่าคนที่อยู่หน้าห้องและคอยสอนนั้นจะถูกต้องเสียทุกสิ่ง(เปรียบเหมือนอาจารย์พูดสอนนักเรียนอยู่หน้าห้องเรียน) โดยไม่ได้นำมาพิจารณาอีกครั้งว่ามันถูกต้องจริงๆหรือไม่ หรือถูกต้องในมุมมองไหน
ซึ่งแน่นอนเมื่อมีการสอนผิดๆ ยกตัวอย่างผิดๆ ก็จะสร้างความเชื่อผิดๆ โครงความคิดที่ผิดๆ วิธีการคิดที่ผิดๆ ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ผิดตามด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น บางท่านอาจจะเคยเรียนว่า MA เส้นสั้น ตัดเส้นยาวแล้วจะขึ้น พร้อมกับมีรูปตัวอย่างให้ดูว่า
เนี่ยพอมันตัดกันแล้วหุ้นมันก็ขึ้นจริงๆ ซึ่งมันจะไปสร้างความเชื่อที่ผิดๆ ที่ว่า ถ้าตัดกันแล้วหุ้นจะขึ้นเสมอไป ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะมันไม่มีอะไรที่สามารถการันตีการขึ้นของหุ้นได้...
คิดผิด #1 ผิดทาง Stop loss, ถูกทาง Let profit run
คุณคงเคยพยายามที่จะ Let profit run แต่พอหุ้นกำลังขึ้นแล้ว อยู่ๆ มันก็หักหัวลงเข้าจุด Stop loss... ทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจกับกลยุทธ์นี้ แต่ถ้าคุณได้ศึกษาเข้าไปลึกๆ จะพบว่า มันมีโอกาสถูกแค่ 35-40% เท่านั้น
ดังนั้นคำที่ได้ยินว่า Let profit run มันสามารถเข้ากับจริตของคุณได้แน่หรือไม่ อย่าไปเชื่อว่าจะ Let profit run ได้ตลอด คุณต้องตั้งคำถามว่า ผิดทาง Stop loss, ถูกทาง Let profit run นั้น ทำไมเค้าถึงพูดแบบนั้น?
คิดผิด #2 ห้ามสวนเทรนด์
หลายคนบอกว่าการเล่นสวนเทรนด์เป็นสิ่งที่ผิด แต่มันก็มีอยู่กลุ่มบางกลุ่ม ที่จุดซื้อของเค้ามักจะเป็นจุดที่ดูเหมือนเป็นแนวโน้มขาลง และเค้าก็สามารถทำกำไรได้ทีละหลายร้อยเปอร์เซ็น... เค้าคือพวกนักเล่นหุ้น Turnaround ทำไมเค้าถึงกล้าที่จะเล่นสวนเทรนด์... เพราะเข้าเห็นว่าความเสี่ยงที่มี เมื่อเทียบกับอัพไซด์มันคุ้มค่า (Risk/Reward)
คุณลองคิดดู เวลาหุ้นลงมาเยอะๆ มันก็มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่คุณไปฟังมาว่าห้ามเล่นสวนเทรนด์เนีย เค้าหมายถึงกลยุทธ์แบบไหนกัน คุณได้ตั้งคำถามกับตัวเองรึเปล่า?
คิดผิด #3 หลักการกระจายความเสี่ยงที่ดี ให้กระจายให้กระจายความเสี่ยงเท่าๆกัน
เวลาเรากระจายความเสี่ยง หลายๆ ครั้งเราจะกระจายไปในหลายๆ ตัว ตัวอย่างเช่น หุ้น A กับหุ้น B มีความเสี่ยงเท่ากันคือ 8% หลายๆ คนอาจจะลงทั้ง 2 หุ้นอย่างละเท่าๆ กัน โดยไม่ได้คำนึงถึงด้านผลตอบแทนเลย ถ้าหากว่าหุ้น A มีอัพไซด์ 30% แต่หุ้น B มีอัพไซด์ 20 % เราควรจะลงทั้ง 2 หุ้นอย่างละเท่าๆ กันแน่หรือ?
หลายครั้งที่เวลาผมกระจายความเสี่ยงผมจะดูที่ความคุ้มค่า อย่างในตัวอย่าง เห็นได้ชัดว่าหุ้น A มีความคุ้มค่ามากกว่า ผมจะมีแนวโน้มที่จะจัดหุ้น A มากกว่า B
เรื่อง Money Management เป็นเรื่องที่ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละกลยุทธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถ้าใครแกะออก คนนั้นรวยแน่นอน
คิดผิด #4 เทคนิคที่เจ๋งกว่า ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
มีคนหลายคนเสียเงินไปเรียนเทคนิคขั้นเทพที่มีความซับซ้อน ผมมองว่ามันเป็นเพียงแค่ Marketing gimmick ที่พยายามยกตัวเองขึ้นมาเป็นอีกระดับ ซึ่งมันไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเลย
ผมมีเพื่อนในวงการหลายๆ ท่านที่ประสบความสำเร็จในการเทรด ซึ่งผมบอกได้เลยว่าเค้าไม่ได้ใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนเลยในการเทรด
บางครั้งผมใส่ indicators หลายตัว ผมยังโดนเค้าแซวเลยว่า "หยง อะไรรกเต็มจอเลย" การที่เรายิ่งมีอะไรที่ซับซ้อนในการออก order มันจะยิ่งทำให้เราสับสนได้ แต่ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าการที่ศึกษามากไม่ดีนะครับ การเรียนรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เรายังคงต้องเรียนสูงเพื่อคืนสู่สามัญอยู่ดีครับ
คิดผิด #4.2 ใน wave 3 หุ้นต้องขึ้นแรง
หลังจากที่ผมอ่านตำราอีเลียตเวฟในต่างประเทศ เรียกได้ว่าเกือบจะทุกเล่มมาเนีย ผมขอบอกเลยว่า ไม่มีเล่มไหนที่บอกว่าเวฟ 3 หุ้นจะขึ้นแรง เค้าบอกแค่ว่ามันเป็นเวฟที่ไม่สั้นที่สุด ซึ่งมันผิดกับที่ใครหลายๆ คนคิดว่าหุ้นมันจะต้องขึ้นแรงปรู้ดปร้าด !
ในเวฟ 3 มันอาจจะไซด์เวย์อีกนานแล้วค่อยๆ ขึ้นก็ยังได้ จงอย่าได้ไปหลงกับธุรกิจการโฆษณา หลงเชื่อให้เราไปเรียนกับเค้า จงเลือกเรียนโดยคำนึงเสมอว่าเราจะเรียนเพื่อเอาอะไร ?
คิดผิด #4.3 ราคาหุ้นอยู่เหนือเมฆแล้วต้องขึ้นต่อ
คุณลองเคยเทสดูจริงๆ รึเปล่าว่า หุ้นอยู่เหนือเมฆ Ichimoku แล้วหุ้นมันขึ้นจริงๆ กี่ครั้งเชียว ผมบอกเลยว่า มันเป็นเพียงแค่ 3-4 ใน 10 ครั้งเท่านั้น
หลายคนไปเรียน Ichimoku มาแล้วบอกอวดว่า เลิกใช้ MA แล้ว เพราะมันกระจอก แต่รู้รึเปล่าว่าจริงๆ Ichimoku ก็คำนวนมาจาก MA เนียแหละ !
คิดผิด #5 เทรดเดอร์ที่เก่งๆ ใช้เครื่องมือที่ไม่เหมือนใคร ใช้เคล็ดลับที่เป็นสุดยอดวิชา
ผมขอบอกเลยว่ามันไม่มี ถ้ามีเค้าก็คงไม่มาเผยแพร่หรอก ผมยกตัวอย่างเลย เทรดเดอร์ที่เทรดห้องข้างๆ ผม พอร์ตของเค้าอยู่ระดับพันล้าน เค้าก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่แปลกประหลาดอะไร เพียงแนวรับแนวต้าน แต่สิ่งที่เค้ามีคือความสามารถในการตัดสินใจที่เด็ดขาด ซื้อคือซื้อ ขายคือขาย หมูชั่งมัน ไม่มีกดเคาะตาม รักษาวินัยเสมอ
คิดผิด #6 ฟิวเจอร์ ออปชั่น เสี่ยงกว่าหุ้น
บอกได้เลยว่าไม่จริง มันขึ้นอยู่กับการบริหารของคุณ คุณสามารถเล่นหุ้นให้เสี่ยงกว่าออปชั่นก็ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเล่นออปชั่นในหน้าขายแล้วคุณบริหารดีๆ คุณสามารถที่จะเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นก็ได้นะ เพราะฉะนั้นเวลาเค้าบอกว่าฟิวเจอร์ ออปชั่นเสี่ยง ลองศึกษาอย่างจริงจังก่อนมั้ย ก่อนที่จะเชื่ออย่างที่เค้าบอก
ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้มาบอกคุณว่าใครถูกใครผิด ที่ผมพูดมามันอาจจะไม่จริงก็ได้ สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในวันนี้ก็คือ อยากให้คุณลองคิดสักนิด เวลารับอะไรเข้าใจว่ามันจริงมั้ย จริงในแง่มุมไหน เพราะว่าเวลาที่เราไปเรียนๆ เค้าจะสอนแค่ในแง่มุมเดียว ชวนให้เชื่อตาม
ผมอยากให้คุณมองในหลายๆ แง่มุมบ้าง ว่าทำไมคนๆนี้ถึงพูดเรื่องนี้ แล้วศึกษาหาคำตอบในเรื่องที่คุณตั้งคำถาม มันจะทำให้คุณเริ่มมีแนวทางในการลงทุนในแบบของตัวคุณเองที่เข้ากับตัวคุณเองที่สุด
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หยงเกิดมาเทรด (Monkey Trader) คุณธำรงชัย เอกอมรวงศ์ (พูดไว้ในงาน Thailand Investment Fest 2016)