1. หุ้นคือการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
หุ้น คือการเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของบริษัท ไม่ใช่ล๊อตเตอร์รี่ที่จะซื้อขายเพราะคิดว่าวันพรุ่งนี้หรืออีกสองวันข้างหน้ามันจะวิ่ง การคิดแบบนี้เป็นการคิดเรื่องของการเก็งกำไรระยะสั้น และการเก็งกำไรระยะสั้นมักจะจบลงตรงคำว่าเสียเงิน
ก็เหมือนกับที่บัฟเฟตต์ซื้อเบิร์กไซด์ในครั้งแรก ถึงแม้มันจะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากและเป็นธุรกิจขาลง แต่ด้วยมูลค่าของบริษัทที่ต่ำกว่ามูลค่า บัฟเฟตต์จึงสนใจเข้าซื้อหุ้นแต่สุดท้ายก็ต้องเจอกับปัญหาทางด้านกาบริหาร ต่อมาจึงเข้าใจว่า การซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่สมเหตุผล ดีกว่า ซื้อธุรกิจงั้นๆในราคาถูก
นักลงทุนที่สามารถเข้าใจใน intrinsic value (มูลค่าโดยเนื้อแท้) จะเนื้อกว่าและหาโอกาสจากการไม่สมเหตุสมผลของนายตลาดที่คอยกำหนดราคาหุ้นตามสภาวะอารมณ์ของเขาเอง
2. ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว และจะช่วยปกป้องเงินเฟ้อให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย
บัฟเฟตต์ย้ำเตือนว่าในปี 1964 ดัชนี S&P วิ่งขึ้นมาจนถึงปัจจุบันรวมถึงการปันผลแล้วจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนประมาณ 11,000% ในขณะที่ค่าเงินดอล์ล่าร์ด้อยค่าลงถึง 87% ซึ่งเป็นกำลังซื้อของเงินตรา หมายความว่าเงิน 1 เหรียญในวันนี้มีค่าเท่ากับ 13 เซนต์ในปี 1965 ซึ่งเป็นการกัดกร่อนมูลค่าในอัตราเร่ง
ถึงแม้ว่าช่วงตลอดระยะการลงทุนมากกว่า 50 ปีของบัฟเฟตต์ เจอตลาดผันผวนขนาดไหน เจอวิกฤต เจอการตกอย่างหนักของหุ้น แต่บัฟเฟตต์ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว เคล็ดลับนั้นคือ ถือธุรกิจที่ดีในระยะยาวเพราะตลาดหุ้นโดยรวมมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
3. ความผันผวนไม่ใช่ความเสี่ยง
นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้นลงทุกวัน นั้นคือความเสี่ยง แต่จริงๆแล้วสำหรับคนถือเงินสดจะเสี่ยงมากกว่าในระยะยาว
นอกจากนั้น นักลงทุนที่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนเน้นคุณค่า ยังสามารถหาผลประโยชน์จากความผันผวนของตลาดหุ้นได้อีกด้วย ดังนั้นจงศึกษาการลงทุนเน้นคุณค่าให้เข้าใจอย่างท่องแถ้ แล้วคุณจะเหนือกว่าตลาด
4. ถือหุ้นที่ดีในระยะยาว
วอเร็น บัฟเฟตต์เคยบอกว่า เวลาจะเป็นเพื่อนของคุณ เมื่อคุณถือธุรกิจที่ดี เพราะธุรกิจที่ดีจะมีมูลค่ามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป คนที่อยากมั่งคั่งจงมองเรื่องของหุ้นและธุรกิจในมุมมองระยะยาว
5. ลงทุนในกองทุนอิงดัชนี
สำหรับข้อนี้สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบในเรื่องของการลงทุน ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้ เพราะโดยภาพรวมแล้วนักลงทุนทุกคนไม่สามารถเป็นนักลงทุนเชิงรุกหรือค้นหาธุรกิจด้วยตัวเอง ดังนั้นการซื้อกองทุนอิงดัชนีและรับผลตอบแทนที่ตลาดมอบให้ 10% ในระยะยาวก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
ขอบคุณแหล่งที่มา : Market Watch