หุ้นความสวยความงาม สวยเลือกได้ ราคาหุ้น beauty ตั้งแต่ต้นปี 59 จนถึง ณ ปัจจุบันราคาวิ่งแรงความสวยไปแล้วกว่า 100%
ราคาหุ้นปิดที่ 11.50 บาทต่อหุ้น (ถึงวันที่ 25/10/59) เป็นหุ้นที่ค่อยข้างได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจดังนี้
PE = 70 เท่า, ROE = 44%, NPM = 23%, อัตราเติบโตของกำไรสุทธิกว่า 30-40% (ข้อมูล ณ 21/10/2559)
มุมมองของนักวิเคราะห์หุ้นคุณภาพโดย ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล
- การมีสาขาในไทยกว่า 300 สาขา และการเปิดตลาดกลุ่ม CLMV ที่มีสาขากว่า 30 สาขา ถือเป็นจุดแข็งที่น่าสนใจของธุรกิจ Beauty
- อัตรา Gross Margin ค่อยข้างสูงถึง 66 % แต่ก็มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงเช่นกันที่ประมาณ 40% ดังนั้นแล้ว Net Profit Margin อยู่ที่ประมาณกว่า 20%
- เทียบมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) กับยอดขายแล้ว ค่อนข้างสูงมาก
- มองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนได้มากกว่ามูลค่าส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) และค่า PE ที่สูงมาก แสดงว่านักลงทุนคาดว่าการเติบโตของหุ้นที่สูงด้วยเช่นกัน (Growth)
- Mega Trend ของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่นิยมใช้สินค้าไทยมากขึ้น
- สิ่งที่นักลงทุนต้องดู ความสามารถในการรักษา ROE, ยอดขายต่อสาขายังเติบโตได้อยู่ไหม, การขยายสาขาเพิ่มไหม และในอนาคต Mega trend นี้ยังอยู่อีกไหม สะท้อนถึงการเข้ามาของคู่แข่ง Beauty ไปได้ด้วย
- ค่า Goodwill ของผู้ถือหุ้นใหญ่ คุณหมอ สุวิน ไกรภูเบศ ที่มีความสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
มุมมองของนักวิเคราะห์หุ้นคุณค่า โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- มองว่าการเติบโตในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาโดดเด่นมาก เนื่องจาก Beauty เข้ามาตลาดได้ถูกจังหวะเวลา พฤติกรรมคนสมัยใหม่เริ่มซื้อเครื่องสำอางในห้างมากขึ้น
- Beauty ได้รับประโยชน์มากจากกลุ่มทัวร์นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยเยอะ เครื่องสำอางก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
- ความได้เปรียบของ Beauty เป็นผู้บุกเบิกตลาดรายแรก ๆ ไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV
แต่ยังไงก็ดี ความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระมัดระวัง
- ทั้งเรื่องความสามารถในการรักษายอดขายและกำไรของ Beauty ว่ายังจะเติบโตได้ต่อเนื่องอยู่ไหม
- เนื่องจากคู่แข่งสามารถใช้โมเดลธุรกิจเดียวกันได้ไม่ยาก เปิดง่าย ต้นทุนไม่ได้แตกต่าง
- สินค้าของ Beauty เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งคนจะไม่ได้ติด Brand จะเป็นเทรนด์แนวแฟชั่นในช่วงนั้น ๆ มากกว่า
- ในอนาคตคู่แข่งมีโอกาสเข้ามาได้ไม่ยาก ทั้งร้านในห้างเอง หรือร้านค้าออนไลน์
- ค่า PE ที่สูง แสดงถึงนักลงทุนให้มูลค่าหุ้นในอนาคตที่สูงไปไกลแล้ว ยังต้องดูกันต่อไปว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เทรนด์นี้จะเปลี่ยนแปลงไปไหม !
ขอบคุณแหหล่งข้อมูล : รายการ Business Model ช่อง Money channel, Aspen,SET
ใครสนใจฟังคลิปเต็ม ดูได้จากที่นี้เลยครับ จาก youtube ของ Money Channel