หากพูดถึงชื่อ Virtu  บริษัทสัญชาติอเมริกัน ซึ่งทำธุรกิจด้าน algorithmic trading เราอาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่  แต่หากบอกว่า บริษัทนี้ แม้จะมีจำนวนพนักงานเพียง 148 คน แต่เทรดสินทรัพย์ในตลาดมากกว่า 230 แห่งทั่วโลก คิดว่าน่าสนใจมั้ยครับ

… หลายคนอาจจะบอกว่าเฉยๆ

…. แล้วถ้าเราบอกว่า ในช่วงตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2014 มีเพียงวันเดียวเท่านั้นที่ Virtu ขาดทุน!  คุณคิดว่ายังงัยครับ ขีดเส้นใต้หนาๆ  ขาดทุนวันเดียวในรอบกว่า 5 ปี  มาทำความรู้จักเค้ากันหน่อยดีกว่า!

บริษัท Virtu ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยคุณ Vincent Viola บัณฑิตจากโรงเรียนนายทหาร West Point ผู้หมกมุ่นอยู่กับการสร้างระบบเทรดที่สมบูรณ์แบบและทรงประสิทธิภาพ

โมเดลการเทรดของเขา เน้น

1. Algorithm ที่มีการซื้อขายเร็วและความถี่สูง (high frequency trading)
2. มีระบบป้องกันความเสี่ยงที่แน่นหนา 
3. กลไกการตรวจตราความผิดพลาดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic surveillance) ที่แม่นยำ

การมารวมกันของ 3 คุณสมบัตินี้เอง ที่ทำให้บริษัทเล็กๆ อย่าง Virtu สามารถสร้างผลกำไรให้นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการเทรดบนอิเล็กทรอนิกส์เลยทีเดียว

เคล็ดลับคืออะไร ?

คุณ Doug Cifu (Financial CEO ของ Virtu) บอกว่าบริษัทของเขายึดหลัก Law of Large Numbers คือ ใช้วิธีเทรดด้วย volume น้อยๆ เพียง $10 ต่อหนึ่งรายการ ด้วยหวังเพียงกำไรจากส่วนต่าง (spread) โดยไม่สนใจทิศทาง (direction) ของราคาว่าจะขึ้นหรือจะลง

ด้วยจำนวนครั้งของการเทรดที่มากถึงกว่า 5 ล้านครั้งต่อวัน กฎทางสถิตินี้คาดว่าโอกาสที่เขาจะมีกำไรนั้นมีประมาณ 50% นั่นก็หมายความว่า ในความเป็นจริง Virtu ก็มีเทรดที่ขาดทุนเหมือนกัน เพียงแต่กลยุทธ์ที่ Virtu ใช้ ทำให้เทรดที่ได้กำไรนั้นมีจำนวนมากกว่าเทรดที่ขาดทุนเล็กน้อย หรือเรียกว่า win-loss ratio ของ Virtu มากกว่า 1 อยู่เกือบทุกวัน

ส่งผลให้ทางบริษัทสามารถสร้างรายได้มากถึงกว่า 723 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นรายได้สุทธิประมาณ 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สำหรับเรื่องความเสี่ยงนั้น Virtu มีการบริหารจัดการอย่างดี ด้วยการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงนั้น หรือไม่ถือ position ข้ามวันไปเลย ไม่ว่าจะเป็น position ในหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ฟิวเจอร์ส หรือตราสารหนี้ รวมแล้วเป็นสินทรัพย์กว่า 12,000 ประเภทเลยทีเดียว

คุณ Doug ยังโม้ (กล่าว) ต่ออีกด้วยว่า ระบบบริหารความเสี่ยงของบริษัทเขานั้น รัดกุมและรวดเร็วมาก จนบ่อยครั้ง Virtu เองเป็นฝ่ายโทรไปบอกตลาดหลักทรัพย์ว่าระบบของประเทศกำลังมีปัญหา ก่อนที่ทางการจะทราบด้วยซ้ำไป

บริษัททำกำไร แต่ทำไมราคาหุ้น Virtu ตก?

ตั้งแต่วันที่หุ้นเข้าตลาด ราคาหุ้นของ Virtu ตกลงไปถึง 21% แม้แต่ในช่วงที่ตลาดกำลังอยู่ในขาขึ้น Virtu กลับเป็นชาวสวน(เทรนด์) ซะงั้น…

ตรงนี้คุณ Doug (จุกกับคำถาม แซวเล่น ฮ่าๆ) บอกว่า พอเข้าใจได้  เพราะโมเดลทางธุรกิจของบริษัทนั้นอาจจะดูเป็น black box สำหรับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไปซะหน่อย ด้วยความที่กลยุทธ์การเทรดถือเป็นความลับ ไม่สามารถให้คนนอกทราบรายละเอียดได้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาแนวทางการทำกำไรของบริษัทรวมถึงแผนการขยายการลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ไม่แพ้ผลการดำเนินการที่ผ่านมา

แต่ (อีกนั่นแหละ) คุณ Doug ยอมรับว่าบริษัทคงไม่สามารถเปิดเผยกลยุทธ์ในการทำกำไรได้อย่างหมดเปลือก เพราะแน่นอนว่านั่นจะเป็นการให้ road map กับบริษัทคู่แข่งนั่นเอง