ถ้าพูดคำว่า "นักลงทุน"
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า แว้บแรกของคน >90% ที่กำลังอ่าน จะนึกถึงคนเล่นหุ้น เล่นอสังหาฯ หรือของสะสมอื่นๆที่ทวีค่า (พระเครื่อง ภาพเขียน งานศิลปะ ไวน์ แอนทีค ฯลฯ)
คือ ประมาณว่า หาข้อมูล ลงเงิน แล้วหวังผล ไม่ได้ลงมือสร้างอะไรขึ้นมาเอง ไม่ได้สร้างกิจการ ไม่ได้สร้างโครงการอสังหา ไม่ได้ผลิต Product ฯลฯ
นั่นทำให้ "คนรุ่นใหม่" ทั้งเด็กเรียนมหาลัย ยัน First Jobber จำนวนมาก อยากเป็นนักลงทุน ตั้งแต่อายุน้อยๆ
คือ ลงทุนเต็มเวลาไปเลย ไม่ทำอย่างอื่น ใส่เงินลงไปก็พอ ฟังดูมันง่าย สบาย ไม่เหนื่อย เท่ห์ และ มีความใกล้เคียงพระเอกซีรีย์เกาหลี
.
.
วันนี้ขออนุญาต เล่าอะไรโบราณๆให้ฟังนิดนึง
20 ปีที่แล้ว ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 กำลังจะเรียนจบ ได้เข้าร่วมโครงการของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(ชื่อย่อว่า IFCT ภายหลังควบรวมกิจการกับ TMB ตอนปี 47)
ชื่อโครงการคือ "โครงการนักลงทุนรุ่นเยาว์"
เป็นโครงการอบรม เพื่อให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลากหลายคณะ มีความเป็นนักลงทุน
แต่...ความหมายของนักลงทุนตอนนั้น ไม่ใช่เล่นหุ้น
มันคือ นักลงทุนสร้างกิจการ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้
หลักสูตร 3 เดือน ว่าด้วยเรื่องหลักวิชาแห่งผุ้ประกอบการ คือ การสร้างสินค้า การทำตลาด การผลิต การเงิน บัญชี ความเสี่ยง การขอกู้ การประเมินโครงการ ฯลฯ
ดูดีๆ มันก็คือหลักสูตร สร้างนักรบเศรษฐกิจ SME นั่นเอง
ผมได้มาเรื่องหนึ่งเด็ดๆเลย คือ เรื่องประเมินความเป็นไปได้โครงการ ที่เขาเรียกว่า Project Feasibility
โปรเจคท์ คุณ ฟีซ ... หรือ ไม่ฟีซ
วิทยากรคนนึง(ขออภัย จำชื่อท่านไม่ได้จริงๆ) อัดโครงการของกลุ่มนึงซะเละ เขาพูดมาประโยคนึง ผมจำได้ขึ้นใจ
"ถ้าคุณรบแพ้บน Excel ... คุณก็ไม่ต้องซ่าส์ออกรบแล้ว เพราะรบแบบใช้เงินจริง แรงจริง ชีวิตจริง มันเสียเลือดเสียเนื้อกว่าบน Excel เยอะ"
คำว่านักลงทุนสมัยก่อน จึงมีเรื่องการลงมือ ลงแรง อยู่มาก ที่จริงมันคือ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ที่ต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง ตรองตรึกด้วยปัญญา
.
.
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน คำว่านักลงทุน กลายเป็นความหมายอะไรที่สบาย
หลายปีมานี้ ผมเจอน้องๆเรียนจบใหม่ๆ อยาก(เอาเงินพ่อ)มาลงทุนหุ้น แบบจบแล้วไม่ทำงานอะไรเลย เยอะมากๆๆๆๆ ซึ่งนั่นก็ว่าน่ากลัวแล้ว
แต่สองสามเดือนนี้ ผมเจออะไรที่น่ากลัวเข้าไปอีก ... คือ มีน้องที่เพิ่งเรียนจบ อยากเป็น VC (venture capital)เลย หรือนักลงทุนในโครงการ Startup ซึ่งเป็นโครงการที่เสี่ยงระดับสูง ทำโครงการ 10 อาจจะตายไปซัก 8
หมายความว่า เงินล้าน เหลือเงินโล้น (ศูนย์) ได้ง่ายในเวลาไม่กี่ปี จัดเป็นความเสี่ยงขั้น Evolve จากโปเกมอนปลาทอง เป็นปลามังกร นู่นเลย
คหสต. คือมันเสี่ยงไปครับ โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานเลย
และการเป็น VC นอกจากจะต้องประเมินโครงการเป็น เข้าใจเรื่อง Scale, Business Model, Market Potential ฯลฯ ยังต้องพร้อมจะทำงานหนักไปพร้อม Startup ด้วย (ไม่ใช่ซื้อหุ้นและอยู่เฉยๆนะ) พร้อมกับมีสายตาประเมินทีมงานระดับเหยี่ยวอีกด้วย (ลองดูทีม VC ระดับป๋า อย่าง 500 tuk tuck ที่มีคุณกระทิง คุณหมู หรือ Golden Gate Venture ที่มีคนแบบ Jeffrey Paine เป็นตัวอย่าง)
.
.
Step ของการสะสมความมั่งคั่ง จากเด็กๆไปผู้ใหญ่ มี 4 ขั้น
ออมเงินได้...เด็กเล็ก
ใช้เงินเป็น..เด็กวัยรุ่น
หาเงินเก่ง...เด็กมหาลัย-ทำงาน
ต่อเงินงอกเงย...(ลงทุน)ทำงาน ยันเกษียณ
ดังนั้น สิ่งที่คนเพิ่งเรียนจบ หรือหนุ่มสาว First Jobber ควรโฟกัส อาจจะยังไม่ใช่เงิน
แต่มันคือประสบการณ์ ... ประสบการณ์ทำงาน ความรัก ทำธุรกิจ เดินทาง
เรียกรวมๆว่า ประสบการณ์ชีวิต
อย่าเพิ่งหมกมุ่นกับ "เงิน" มากเกินไป
พยายามลงทุนกับความสามารถของตัวเองให้มากๆ เพิ่มสกิลสะสมตัวโปเกมอนไว้เยอะๆ เพื่ออนาคตข้างหน้า แล้ว Evolve ให้เป็นตัวใหญ่ CP สูงๆ
การลงทุนที่ดีที่สุดระยะยาว คือ การเพิ่มมูลค่าตัวเองให้สูงขึ้น
และในที่สุด ก็จะแปลงร่างเป็นนักลงทุน เป็น VC ได้เองครับ
"เมื่อถึงเวลา ดอกไม้ก็จะบาน"