บริษัท WeWork ผู้ให้บริการแชร์พื้นที่สำนักงาน (co-working space) สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมถึงบริการสำนักงานและสร้างสังคมสำหรับผู้ประกอบการชั้นนำของโลกเริ่มบุกตลาดจีนในเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นที่แรก หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในอเมริกา ยุโรปและอิสราเอลด้วยพื้นที่มากกว่า 54 แห่งในปี 2015
WeWork ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอเมริกาตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤติการเงินโลกปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้ประกอบการฟรีแลนซ์ในอเมริกามากมาย ประกอบกับอสังหาริมทรัพย์ว่างเปล่าจากฟองสบู่ กลายเป็นโอกาสที่ทำให้สองผู้ก่อตั้ง WeWork อย่าง Adam Neumann และ Miguel McKelvey ได้ตั้ง WeWork สาขาแรกขึ้นมาที่แถบ Soho นครนิวยอร์คในปี 2010 เป็นการตอบโจทย์ความต้องการสำนักงานของผู้ประกอบการที่กำลังก่อตั้งบริษัทและใส่องค์ประกอบของความเป็นสังคมผู้ประกอบการเข้าไปเพื่อสร้างความแตกต่างของธุรกิจมากขึ้น
หลังจากได้รับเงินลงทุนจาก Mortimer Zuckerman อดีตผู้บริหารบริษัทบริหารจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของอเมริกาอย่าง “Boston Properties” รวมถึงยักษ์ใหญ่สถาบันการเงินอย่าง JP Morgan Chase & Co, Goldman Sachs และ Wellington Management แล้ว บริษัท WeWork ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายพื้นที่สำนักงานในอเมริกา จนล่าสุดได้ขยายตลาดไปยังเมืองสำคัญของยุโรปอย่างลอนดอน อัมสเตอร์ดัม และในแถบเอเชียอย่างเซี่ยงไฮ้แล้ว
สำหรับประเทศจีนนั้น มีผู้ประกอบธุรกิจประเภท co-working space มากกว่า 3,200 แห่งในช่วงปี 2013-2015 การเข้ามาในตลาดของ WeWork ประกอบกับการเติบโตและเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีของประเทศจีน ทำให้ตลาด co-working space ในประเทศจีนสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง อีกปัจจัยหนุนหนึ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจนี้ในจีนคือราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และปักกิ่งปรับตัวขึ้นสูงในระดับสองหลักในช่วง 1-2 ปีมานี้ ซึ่งสวนทางการชะลอตัวลงของภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
ปัจจุบัน WeWork คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในเซี่ยงไฮ้ได้ช่วงเดือนกรกฎาคมของปีนี้ และจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปยังประเทศฮ่องกง เกาหลีใต้และออสเตรเลียอีกด้วย สำหรับมูลค่ากิจการนั้น WeWork เป็นธุรกิจนอกตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก ประเมินมูลค่ากันอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านดอลล่าร์ ตามหลังธุรกิจใกล้เคียงอย่าง Airbnb ที่มีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลล่าร์ (อันดับ 3 ของโลก)
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown