หลังๆ ผมศึกษาประวัติศาสตร์ชักเยอะ.. ประวัติศาสตร์ประเทศ การเมือง วัฒนธรรม ฯลฯ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์พวกเศรษฐกิจและตลาดทุน. เรามักเข้าใจว่ายุคแรกๆ ของการเก็งกำไรและทุบราคาลงมาคือช่วงปี 1636 ยุค Tulip mania แต่ในยุโรปมีย้อนไปกว่านั้นอีกนะ หนึ่งในเรื่องที่ผมพยายามหาคำตอบตลอดคือ คนเราสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาได้อย่างไร สมัยก่อนคนที่ร่ำรวยคือกษัตริย์หรือไม่ก็ขุนนาง แล้วคนทั่วไปละ สร้างขึ้นมาได้ยังไง เพราะเรามักได้ยินว่าความมั่งคั่งที่เราเห็นกันยุคนี้ถูกสร้างขึ้นจากรุ่นเดียวเองนะ.. เรามักได้ยินว่ารุ่นปู่ย่า/พ่อแม่เริ่มต้นด้วยเสื่อผืนหมอนใบ และเขาก็สร้างเนื้อสร้างตัวเป็นเศรษฐีได้เลย. จะบอกว่าเพราะเขาขยัน อดทน อดออม มีหัวการค้า มันก็ใช่นะ แต่มาขยัน อดทน มีหัวการค้าทุกวันนี้ โอกาสที่จะขึ้นไปเป็นเศรษฐีน่าจะยากอยู่นะ.
ก่อนยุคข้อมูลข่าวสารทีเป็นกันตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งก่อนหน้าคือยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งหนึ่งในตัวขยายการเปลี่ยนแปลงนี้คือสงครามโลกครั้งที่ #1 และ #2 และถ้าสังเกตุแพทเทิร์นดีๆ จะไม่ค่อยเห็นคนมั่งคั่งขึ้นมาในยุคนั้น. ซึ่งเราก็เถียงได้ว่าก็เพราะมันมีสงคราม เศรษฐกิจตกต่ำ ฯลฯ มันก็ใช่ แต่ผมมองว่าตัวแปรที่มีผลมากกว่าคือ "ระยะเวลาสร้างเนื้อสร้างตัว" ยุคสงครามคนหนุ่มถูกเกณฑ์ไปรบและตายในสนามรบ อายุไม่น่าเยอะ เต็มที่ไม่เกิน 40 คนรุ่นนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยซ้ำ และพอยุค Baby boomer หลังสงครามโลก #2 ไม่มีสงครามใหญ่ๆ แล้ว คนรุ่นนี้มีเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวได้นานกว่าทุกๆ รุ่นก่อนหน้า ก็ไม่แปลกที่จะสร้างความมั่งคั่งได้มากกว่ารุ่นก่อนๆ และรุ่นนี้คือรุ่นแรกที่จะเสียชีวิตจากเหตุธรรมชาติ (แก่ตาย, ไม่สบาย ฯลฯ) ไม่ใช่จากสงคราม ก็ยิ่งมีเวลาเพิ่มความมั่งคั่งขึ้นไปอีก
เราสามารถมองสงครามได้เหมือนที่สุดของวิกฤต ผมผูกตรงนี้เอาเองนะ แต่จะก็ไม่แปลกใจเลยว่าในเวลานั้นการลงทุนที่ดีที่สุดในช่วงนี้คือซื้อหุ้นแล้วถือให้นานสุด อย่างWarren Buffett เองก็เริ่มลงทุนจริงจังช่วงหลังสงครามโลก #2 แล้ว และวิธีคิดนี้มันแทบกลายเป็นปรัชญาการลงทุนของเขา คือ ซื้อหุ้นตอนวิกฤต ล่าสุดก็คือที่เขาเข้าไปซื้อบริษัทน้ำมันก็ตอนที่เกิดวิกฤตราคาน้ำมัน. เห็นแบบนี้มันคิดได้ว่าภาวะช่วงที่เขาเริ่มมันแทบจะวางกรอบความคิดการลงทุนของชีวิตเขาเลย ความมั่งคั่งระดับเขาผมไม่ได้ตีความว่าแค่ซื้อตอนที่วิกฤตนะ. แต่เพราะให้กลไกเวลามันทำงานอย่างเต็มที่ด้วย.
คน Gen Y/Z ผมมองว่าสร้างความมั่งคั่งยากสุด โดยเฉพาะถ้าไม่มีฐานให้ต่อยอด เพราะยังอยู่ใต้เงาของรุ่น Baby boomer อยู่ ขึ้นมาเป็นผู้บริหาร/ผู้จัดการแต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ใต้การคุมบังเหียนของรุ่นพ่อแม่ โอกาสโชว์ฝืมือยังน้อย เพราะพ่อแม่ที่มองว่าตัวเองผ่านมามากกว่า (แหงสิ) มอง Gen Y/Z ยังละอ่อน เพราะยังไม่เคยเจอวิกฤต แร้งแค้น ฯลฯ ซึ่งถ้ามองดีๆ มันจะไม่มียุคแร้งแค้นแบบที่เจอแล้ว ทำให้ระยะเวลาสร้างความมั่งคั่งในรุ่นตัวเองน้อยลง เพราะกว่าจะได้เริ่มหลายๆ คนก็เกือบอายุ 40 แล้ว.. เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสร้างให้เกิดตลาดใหม่ๆ แต่คนก็รู้ทันกันเร็วมากขึ้น. โอกาสที่จะทำกำไรได้เหมือนสมัยก่อน (ยุคพ่อแม่) ไม่มีแล้ว. ผลตอบแทนเฉลี่ยในตลาดทุนลดลง ดอกเบี้ย 0% น่าจะอีกไม่นาน ราคาผันผวนมากขึ้น กลไกใช้สร้างความมั่งคั่งที่ใช้ได้มา 50-60 ปีจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป. เกมเศรษฐกิจ/เกมตลาดทุนเปลี่ยนไปแล้ว ชักยาวขอไปดูหุ้นต่อก่อนนะครับ. ไว้จะกลับมาเขียนตอน #2 น๊าาา ขอบคุณครับ.
-หยง-