Wal-Mart Stores บริษัทค้าปลีกแบบ Brick-And-Motar ยอดขายอันดับหนึ่งของโลกจากอเมริกา ประกาศเข้าถือหุ้น 5% ใน JD.com บริษัทอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของประเทศจีนด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2.9 พันล้านดอลล่าร์ เพื่อแลกกับการเข้าถือหุ้น 5% ที่มีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลล่าร์โดย Walmart บริษัท JD.com จะได้เป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ Walmart ในประเทศจีนที่ชื่อ “Yihaodian” ซึ่งมีฐานลูกค้าแข็งแกร่งในทางตะวันออกของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะเมืองที่สำคัญๆอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว
การเข้าถือหุ้นครั้งนี้ของ Walmart จะทำให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างทั้งสองบริษัทและช่วยให้ Walmart เพิ่มยอดขายอีคอมเมิร์ซในประเทศจีนด้วยการเปิดร้านรูปแบบ “Sam’s Club” บนเว็บไซต์ JD.com อีกด้วย นอกจากนี้ JD.com ยังได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทค้าปลีกแบรนด์ชั้นนำของโลก ทำให้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือแข่งขันกับคู่แข่งอันดีบหนึ่งอย่าง Alibaba Group Holdings ได้ นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาระบบซัพพลายเชน โดยเฉพาะบริษัท JD.com ที่เน้นพัฒนาระบบโลจิสติกส์และประสบการณ์การจัดส่งสินค้าเพื่อเป็นจุดแข็งและความแตกต่างที่เหนือกว่า Alibaba
บริษัท JD.com ทำยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมายอดขายเพิ่มได้กว่า 800% โดยโตจาก 2 หมื่นล้านเป็น 1.8 แสนล้านดอลล่าร์ในปี 2015 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ทำกำไรได้มากเหมือนคู่แข่งอย่าง Alibaba ก็ตาม แต่ทั้งสองบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ของอเมริกา นอกจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซแล้ว JD.com ยังมีธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจการเงินแบบ Equity Crowdfunding หรือ JD Finance ซึ่งทำตัวเป็นแหล่งระดมทุนและสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่มีทรัพยากรทางเทคโนโลยีสนับสนุนธุรกิจ SME จีนที่ต้องการเงินทุน การขยายตัว และการสนับสนุนจากบริษัทชั้นของจีนอย่าง JD
ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวด้วยความคาดหวังว่าเงินทุนสนับสนุนธุรกิจจะลดน้อยลง JD.com จึงได้ให้ธุรกิจการเงินอย่าง JD Finance ให้การสนับสนุนให้ธุรกิจ startup กว่า 90 รายได้รับเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1.1 พันล้านหยวน หรือประมาณ 170 ล้านดอลล่าร์ โดยนาย Liu Qiangdong ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JDกล่าวว่า JD Finance จะต้องช่วยให้บริษัทกว่า 100 บริษัทกลายเป็นบริษัทมหาชนให้ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า
สำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่าง Walmart-JD.com นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Walmart อย่าง Doug McMillon ให้ความเห็นว่ามีความจำเป็น เพราะ Walmart จำเป็นต้องประสบความสำเร็จประเทศจีน โดยประมาณการว่ายอดขายของ Walmart รอบโลกถึง 25% จะมาจากประเทศจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าในปัจจุบันตลาดสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดหลักของ Walmart อยู่
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown