#แนวคิดด้านการลงทุน

ตลาดที่มีกำไรมากที่สุด

โดย ภาววิทย์  กลิ่นประทุม
เผยแพร่:
113 views

หลายครั้งที่ "มนุษย์บนโลกนี้"คิดว่า การชนะใน"เกมธุรกิจ"อยู่ที่ "Strategy" แต่มันไม่ใช่เลย ... มันเริ่มตั้งแต่"เลือกลูกค้าแล้ว" ยกตัวอย่างบริษัทรถอย่าง Benz ..หลายคนคิดว่า บริษัทนี่จับ "คนรวย" แต่"ผิด!!ถนัด" แท้จริงแล้ว Benz จับกลุ่ม "คนอยากรวยต่างหาก" ส่วนบริษัทที่จับคนรวย นั้นคือ Ferrari หรือ Roll Royce จะเห็นได้ว่า บริษัทที่จับ"คนรวยจริงๆ" ..ยอดขายแต่ละปีไม่กี่คัน ถึงแม้คันละหลายสิบล้าน กลับขายได้"น้อย..แบบนับคันได้" ต่างกับ Benz ซึ่งขายเฉพาะเมืองไทยปีละหลายพันคัน 

ประเด็นนี้เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยหนังสือ ที่ชื่อ Trading Up ซึ่งเขามองว่าสินค้าอย่าง Benz นี่คือ "ความหรูแบบใหม่" หรือ Mass Luxury เป็น"ตลาดที่กำไรมากที่สุด" เพราะกลุ่มคน"อยากรวย" นั้นมีมากมาย (ต่างกับกลุ่มคนรวยจริงๆ ที่มีน้อย ..และถ้าเขารวยจริงๆเขาก็ไม่รู้จะซื้อ Benz มาทำไม) --"กลุ่มอยากรวย"นี้ถูกผนวกเข้ากับ ค่านิยม"การสร้างหนี้" หรือ พูดอีกอย่างคือ รสนิยมสูง รายได้ต่ำ

คุณสังเกตุไหมที่ Campaign ของ Benz หรือ BMW มีทั้งผ่อนยาว ดอกเบี้ย 0% ยิ่งในต่างประเทศ บริษัทเหล่านี้ปล่อยกู้เองเลย (โดยจัดให้มี Balloon คือ ราคาเหลือ"ก้อนโต"หลังจากผ่อนครบกำหนด เพราะเขามองว่า เมื่อผ่อนครบ 5ปี ก็ยังมีราคาเหลือ ตอนขายคืน) ดังนั้น สมมุติ รถ ราคา 5 ล้าน (ผ่อนจริงๆ แค่ 3 ล้าน ส่วนอีก 2 ล้านค่อยมาเคียร์หลังจากขายรถแล้ว ..สรุปก็คือ ช่วยให้คุณผ่อนได้ถูกลงมากๆ ซึ่งในความเป็นจริง มันก็คือ "คุณเหมือนเช่ามาใช้ ต่างหาก")

ในปัจจุบันนี้ การจับ Mass Luxury ไม่ได้มีแค่ตลาดของ"หรู" อย่าง รถยนต์ แฟชั่น กระเป๋า นาฬิกา เท่านั้น ..มันได้"ลามไปสู่ทุก Sector ของธุรกิจ" ตั้งแต่กระดาษชำระ ยัน อาหาร สุนัข ..สังเกตง่ายๆคือ สินค้าพวกนี้แพงมาก ถ้าเทียบกับสินค้าปกติ (คือ มันเป็นอะไรที่ดู Hiso มาก หากคุณเลือก Brand นี้ เช่น กระดาษชำระปกติ 5 บาท แต่ยี่ห้อนี้ 20 บาท (ตั้งราคา แพงกว่า Benz อีก หากเทียบในสินค้าที่อยู่ใน Cetegory เดียวกัน)

แม้แต่ธุรกิจบริการ อย่างร้านอาหาร หรือ กาแฟ "Starbuck".. นี่กาแฟ "แพงสุดขั้ว" ถ้า Birdy 10 บาท ไอ้นี่ 130 บาท คือ Stakbuck มัน Mark up ที--ไม่รู้กี่เท่า..(แต่!! คนแย่งกันซื้อ) นี่แหละครับที่ผมบอกว่า "การเลือกตลาดที่ถูกต้อง มันทำให้คุณมีโอกาสสำเร็จสูงตั้งแต่เริ่มต้น" -- Stackbuck บอกว่า แม้แต่คนขับแท็กซี่ ก็สามารถสัมผัสความหรูหราอันนี้ได้ (แจ๋วไหม!) 

อย่างวิกฤต"บ้านเมืองแตกเวลานี้" กลายเป็นว่า "ตลาดนี้ก็แทบไม่กระทบ" เพราะคน"อยากรวย" ก็ยังคงอยากรวยอยู่ เพราะเป็นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ ใช้จ่ายและก่อหนี้สูง เป็น White Collar ที่มี บัตรเครดิต ไม่รู้กี่ใบ มักทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทใหญ่ๆ จึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่อง"เงิน" --รูดก่อนจ่ายทีหลัง สบายจะตาย ถอยรถในฝันออกมาขับ แต่ผ่อนจ่ายเท่า Vios อยู่บ้านหรู ทุกอย่างผ่อนหมด (คือ ทำงานทั้งชีวิต เพื่อผ่อนจ่าย Lifestyle แต่ท้ายสุด"ไม่มีเงินเก็บ") ..อย่างที่ผมเคยยกประเด็นของ Maxed Out กับ Mass Luxury มันเป็นอะไรที่สอดคล้อง ..มันเป็นเครื่องมือ มันเป็น"กับดักของ Hi-so" แต่มันคือ โอกาสของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง (สู้แล้วรวย..แต่ต้องสู้แบบ ฉลาด! น่ะครับ )

---------------------------------------

สนใจคอร์ส มือใหม่เข้าใจหุ้น By ภาววิทย์ คลิก


เจ้าของหนังสือ Best Seller ซีรี่ย์ “แกะรอยหยักสมอง 1-3”  , “ฟรีดอมเทรดเดอร์” และ “คลีนิคหุ้นมือใหม่” พร้อมเป็นไอดอลผู้จุดประกายเรื่อง "หุ้น" ให้แก่นักลงทุนรุ่นใหม่ และเป็นวิทยากรคอร์ส “ปูพื้นฐานสู่การลงทุนเบื้องต้น” โดยมีผู้ติดตามจำนวนมาก  และได้รับเชิญไปบรรยายในหน่วยงานต่างๆ มากมายทั้งภาครัฐและเอกชน  รวมทั้งได้รับเชิญสัมภาษณ์ออกสื่อต่างๆมากมาย ทั้งโทรทัศน์  วิทยุ และสิ่งพิมพ์

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง